ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (วันที่ 16 กันยายน 2559) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่า ขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ อันเป็นผลจากรายงานผลอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นกว่าที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงระยะอันสั้นก่อนที่จะมีการประชุมนโยบายทางการ เงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์หน้าก็ตาม ค่าเงินยูโร (EUR) ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.38 เป็น 1 EUR ต่อ 1.1202 USD ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2559

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (The U.S. Commerce Department) รายงานดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภค (Consumer Price Index หรือ CPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.1 หลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ดัชนี CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและสูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับร้อยละ 1 นอกจากนี้ ยังพบว่าดัชนี Core – CPI (ไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านอาหารและเชื้อเพลิง) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนที่ผ่านมาซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ร้อยละ 0.2 หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวเปิดเผยหลังจากที่มีการรายงานยอดการค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ลดลงเมื่อวันพฤหัสที่ ผ่านมาอันเป็นผลมาจากความกังวลต่อแนวโน้มทิศทางด้านนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มี กำหนดจะประชุมในช่วงปลายเดือนนี้ ค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.65 เป็น 1 GBP ต่อ 1.3154 USD ค่าเงินปอนด์ยังคงได้รับความกดดันมาจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ยังคง มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ต่อค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ยังคงรักษาอยู่ในระดับเดิมที่ 1 USD ต่อ 102.08 JPY ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ต่อค่าเงินฟรังก์สวิต (CHF) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.42 เป็น 1 USD ต่อ 0.9758 CHF ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) อ่อนค่าลง โดยค่าเงินดอลลาร์ ออสเตรเลีย (AUD) ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.29 เป็น 0.7496 USD ต่อ 1 AUD ส่วน ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.30 เป็น 0.7293 USD ต่อ 1 NZD ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ต่อค่าเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.55 เป็น 1.3164 CAD ต่อ 1 USD ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม

ทั้งนี้ ทางการแคนาดารายงานตัวเลขยอดขายสินค้า อุตสาหกรรม (Manufacturing Sales) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 จากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.0 หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ พบว่าค่าเงินสกุลที่อิงกับราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ลดลงหลังจาก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอิร่านได้รายงานตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบเพิ้มขึ้นร้อยละ 15 หรือ กว่า 2 ล้านบาเรลต่อวันซึ่งเป็น ระดับที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีส่งผลให้เกิดความกังวลต่อปริมาณน้ำมันที่มากเกินความต้องการของตลาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (The U.S. Dollar Index) ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เปรียบเทียบกับ 6 ค่าเงินสกุลหลักของโลก ได้แก่ ค่าเงินยูโร (EUR) ค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ค่าเงินปอนด์อังกฤษ(GBP) ค่าเงินดอลาร์แคนาดา (CAD) ค่าเงินโครนสวีเดน (SEK) และค่าเงินฟรังก์สวิต (CHF) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.39 เป็น 95.64

ขอขอบคุณ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

อ่านข่าวรายสัปดาห์จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองไมอามี่ ที่นี่

283 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top