ผู้บริโภคมิลเลนเนียลนิยมซื้ออาหารสำเร็จรูปและขนมหวาน

ผู้บริโภคมิลเลนเนียลนิยมซื้ออาหารสำเร็จรูปและขนมหวาน

จากรายงานวิจัยของหน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจของกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA’s Economic Research Service : ERS) แจ้งว่า แม้ว่าผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลจะชอบอาหารเพื่อสุขภาพและนิยมการปรุงอาหารด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าอาหารสำเร็จรูป

ในการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลโดยเฉลี่ยจะจัดสรรงบใช้จ่ายในสัดส่วนที่น้อยกว่าอย่างอื่นในการซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายของชำเพื่อมาปรุงอาหารที่บ้าน อีกทั้งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่แวะซื้อของที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายของชำน้อยกว่ากลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ แต่หากต้องปรุงอาหารที่บ้านจะเน้นอาหารสุขภาพและอาหารที่ความสดรวมทั้งผักและผลไม้ แต่เป็นกลุ่มที่นิยมความสะดวกสบายมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลมีความแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่าในแง่ มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากกว่ากลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ และเป็นกลุ่มที่มีวุฒิการศึกษาสูงกว่า และติดกับการใช้อินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลจะเพิ่งเริ่มต้นชีวิตทำงาน และมีสถานะโสด หรือเพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ดังนั้นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยในการซื้ออาหารจากร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต/ร้านขายของชำ จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัย

หน่วยงาน ERS ได้วิเคราะห์ข้อมูล Grocery Data ปี 2557 จากฐานข้อมูลของ บริษัท Information Resource Inc. โดยแยกกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่ม Traditionalists (ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2489) (2) กลุ่ม Baby Boomers (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507) (3) กลุ่ม Gen X’ers (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508 – 2523) และ (4) กลุ่ม Millennials (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2524 – 2543) ซึ่งมีจำนวนประมาณร้อยละ 20 ของจำนวนครัวเรือนที่ได้ดำเนินการศึกษาวิจัย และมีผลการวิจัยการใช้จ่ายซื้ออาหาร ดังนี้

  • กลุ่ม Millennials ใช้จ่ายในการซื้ออาหารต่ำกว่า 80 เหรียญฯ/เดือน/คน
  • กลุ่ม Gen X’ers ใช้จ่าย 85 เหรียญฯ/เดือน/คน
  • กลุ่ม Baby Boomers ใช้จ่าย 135 เหรียญฯ/เดือน/คน
  • กลุ่ม Traditionalists ใช้จ่าย 154 เหรียญ/เดือน/คน

นักช้อปกลุ่มมิลเลนเนียลร้อยละ 13.6 นิยมซื้ออาหารสำเร็จรูป (Prepared Foods) พาสต้า และขนมหวาน (Candies) มากกว่ากลุ่มอื่นๆ กลุ่ม Gen X’ers (ร้อยละ12.4) กลุ่ม Baby Boomers (ร้อยละ 11.5) และกลุ่ม Traditionalists (ร้อยละ 11.2)

ที่มา: Food Processing ก.พ. 2561

ขอขอบคุณข่าวจาก: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

285 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top