Invest in America Summit 2019

Invest in America Summit 2019

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 หอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce: USCC) จัดงานส่งเสริมการลงทุนครั้งที่ 4  (Invest in America Summit) โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ว่าการรัฐแห่งชาติ (National Governors Association: NGA) และองค์กรพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับต่างประเทศ (State International Development Organization: SIDO) ที่หอการค้าสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน งาน Invest in America Summit เป็นเวทีสำคัญที่หอการค้าสหรัฐฯ ตั้งใจจัดขึ้นทุกปีเพื่อชูข้อได้เปรียบของตลาดสหรัฐฯ ในการเป็นฐานการค้าและการลงทุน

งาน Invest in America ในปี 2562 มีผู้ร่วมงานจากภาครัฐและภาคเอกชนจากกว่า 40 รัฐและกว่า 50 ประเทศ เข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์สร้าง เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายให้กับนักลุงทนที่สนใจลงทุนในสหรัฐฯ

นาย Rob Schroder รองประธานอาวุโสฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หอการค้าสหรัฐฯ เป็นผู้เปิดงานและต้อนรับผู้เข้าร่วม โดยได้กล่าวว่า สหรัฐฯ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลกในด้านการค้าและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สหรัฐฯ เหมาะแก่การลงทุนเนื่องด้วยความเข้มแข็งของสภาวะตลาด ทุนมนุษย์และสภาวะที่เอื้อต่อการลงทุน ในเชิงสถิติ การลงทุนจากบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ ทำให้เกิดการจ้างงานคนอเมริกันกว่า 7.1 ล้านคน ผลิตสินค้าส่งออกมูลค่ามากกว่า 370 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นร้อยละ 25 ของสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ทั้งหมด การลงทุนของบริษัทจากสหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ รวมกันมีมูลค่าถึงกว่าร้อยละ 76.5 ของการลงทุนต่างชาติทั้งหมด ขณะที่การลงทุนจากประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศ ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด  

ในช่วงถัดมา นาย Kevin Hassett ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ (The Council of Economic Advisers) ได้ขึ้นเวทีกล่าวเพิ่มเติมถึงความแข็งแกร่งของสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลอดจนให้มุมมองเกี่ยวกับการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน  การฝึกอบรมแรงงาน และสภาวะเศรษฐกิจโลก นาย Hassett กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนโยบายลดภาษีที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติ การเจรจาการค้า เขตการค้าเสรีที่มีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยนาย Hassett มั่นใจว่า ในปี 2562 นี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตที่ร้อยละ 3 

ภายในงาน มีการจัดเวทีสัมมนาย่อยที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงาน โดยได้เชิญนาย Mark Warner วุฒิสมาชิกจากรัฐเวอร์จิเนีย (พรรคเดโมแครต) และนาย John Hoeven วุฒิสมาชิกจากรัฐนอร์ทดาโคตา (พรรครีพับลิกัน) ขึ้นกล่าวในหัวข้อ The Future of Work  ขณะที่เชิญนาย Eric Holcomb ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนา (พรรครีพับลิกัน) และนาง Kim Reynolds ผู้ว่าการรัฐไอโอวา เล่าให้ฟังถึงโอกาสในการพัฒนาแรงงาน (Workforce Development Opportunities) โดยมีผู้บริหารบริษัทต่างชาติ ได้แก่ นาย David Etzwiller ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซีเมนส์ และนาย Shigeru Hayakawa รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ร่วมแสดงความคิดเห็น

ผู้แทนแต่ละรัฐล้วนกล่าวว่า รัฐของตนให้การสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจภายในรัฐ ผลสำเร็จดูได้จากอัตราการว่างงานที่ลดลงในหลายรัฐ ปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนคือศักยภาพของแรงงาน ส.ว. Warner กล่าวว่า สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของรัฐเวอร์จิเนียและของประเทศก็คือแรงงาน การลงทุนในแรงงานเพื่อพัฒนาความสามารถ รวมถึงการพัฒนาการศึกษาเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ

จากมุมมองภาคเอกชน นาย Hayakawa รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ กล่าวว่า การทำงานในโรงงานไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คนส่วนใหญ่มอง พนักงานทุกคนในโรงงานจะต้องมีทักษะที่จะแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยตนเอง นาย Hayakawa เล่าถึงโครงการที่บริษัท โตโยต้าฯ ร่วมกับโครงการ Project Lead The Way (PLTW) มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย ในโรงเรียนในรัฐเคนทักกี 11 แห่ง เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมของนักเรียนสำหรับตลาดแรงงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ในอนาคต

นอกจากเรื่องการพัฒนาแรงงาน ยังมีการเสวนาในหัวข้อ Trade as A Multiplier for Investors ซึ่งร่วมปราศรัยโดยนาย Matt Bevin ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี (พรรครีพับลิกัน) นาย Doug Ducey ผู้ว่าการรัฐแอริโซนา (พรรครีพับลิกัน) และกลุ่มผู้บริหารจากบริษัท อาทิ บริษัท OCO Global บริษัท Samsung และบริษัท SoftBank โดยได้ร่วมเสวนาถึงโอกาสและความท้าทายของความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) รวมถึงความตกลงการค้าเสรีที่สหรัฐฯ มีกับประเทศอื่น ๆ  

นาย Ducey ผู้ว่าการรัฐแอริโซนาให้ความสำคัญกับการค้าและการจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับต่างชาติอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี โดยมองแคนาดาและเม็กซิโก ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คู่ค้ากับสหรัฐฯ แต่ยังเป็นเพื่อนบ้าน เป็นพันธมิตร และเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ ขณะที่ผู้แทนภาคเอกชนย้ำถึงมูลค่าการลงทุนของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น บริษัท SoftBank  ที่เป็นหนึ่งในบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในสหรัฐฯมากที่สุดถึง 50 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในช่วงท้าย นาย Wilbur Ross รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้กล่าวปิดงาน และเน้นย้ำถึงนโยบายผลักดันการลงทุนจากต่างชาติของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการทำให้สหรัฐฯ เป็นตลาดที่น่าลงทุนและน่าทำธุรกิจมากที่สุดในโลก นาย Ross ยังได้พูดถึงความสำคัญของความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา ที่ปรับปรุงใหม่ในชื่อ USMCA เพื่อกระตุ้นให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบต่อความตกลงดังกล่าว ผู้ที่สนใจคำกล่าวของรัฐมนตรีฯ Ross สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ขอบคุณภาพจาก U.S. Chamber, NGA, และ Siemens Foundations
บุษบรรณ์ ประทุมวินิจ เรียบเรียง

580 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top