ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการหารือยุทธศาสตร์ ไทย-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ ๕
คณะ ผู้แทนระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของไทยและสหรัฐฯ ได้พบหารือกันเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพฯ ภายใต้กรอบการหารือยุทธศาสตร์ ไทย-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๕ โดยมีนายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย และนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาด้านกิจการภูมิภาค เอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรคู่สนธิสัญญาอันยาวนาน สหรัฐฯ และไทยได้เน้นย้ำพันธกิจร่วมในการเสริมสร้างความสงบสุขความมั่นคง และความมั่งคั่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและของโลก
โดยตระหนักถึงบทบาทนำของไทยในภูมิภาค และการให้การสนับสนุนอันสำคัญยิ่งของสหรัฐฯ ต่อสันติภาพและเสถียรภาพ การหารือของสองฝ่ายครอบคลุมประเด็นที่หลากหลายทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ เอเชีย-แปซิฟิก และในกรอบอื่นๆ
สหรัฐฯ ยืนยันที่จะสนับสนุนความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือในกรอบภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงกรอบข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (LMI) การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ และส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญของภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทอันแข็งขันของไทยในกรอบข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอน ล่าง และมุ่งมั่นกระชับความร่วมมือภายใต้กรอบนี้ในด้านการศึกษา พลังงาน สาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และการส่งเสริมบทบาทของสตรี คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำความสำคัญของการประสานงานด้านการให้ความช่วย เหลือในภูมิภาค และการสนับสนุน สปป.ลาว เป็นประธานอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ คณะผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ แจ้งว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความยินดีที่จะให้การต้อนรับผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศ รวมถึงประเทศไทย ณ การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙
ทั้งสองฝ่ายย้ำจุดยืนในการให้ความสำคัญต่อ การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล และเสรีภาพในการเดินทางสัญจรซึ่งรวมถึงการบินผ่านทะเลจีนใต้ คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายรับทราบถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทาง ทหารในบริเวณพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำที่จะสนับสนุนความพยายามอย่างต่อเนื่องของอาเซียนและจีน ในการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้อย่างเต็มที่ และความพยายามที่จะหาข้อสรุปโดยเร็วสำหรับแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้
สำหรับประเด็นทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยืนยันการเป็นพันธมิตรคู่สนธิสัญญาอันยาวนานและความสำคัญทาง ยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการเพิ่มพูนและการขยายสาขาความร่วมมือด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงด้านการพัฒนากำลังคนในด้านสาธารณสุข การวิจัยทางการแพทย์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการฝึกอบรมโดยสถาบันฝึกอบรมระหว่าง ประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) และการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
ทั้งสองฝ่ายยืนยันให้ความสำคัญต่อความร่วม มือด้านการทหารระหว่างไทย-สหรัฐฯ และมุ่งหวังที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ ค.ศ. ๒๐๑๒ โดยการกระชับความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและการ บรรเทาภัยพิบัติ การรักษาสันติภาพทั่วโลก การวิจัยด้านการแพทย์ทหาร และการมีปฏิสัมพันธ์ด้านการทหารอื่น ๆ ในการประชุมสุดยอดผู้นำด้านการรักษาสันติภาพซึ่งประธานาธิบดีโอบามาเป็น ประธานการประชุมนั้น สหรัฐฯ ยินดีที่ไทยแสดงความจำนงที่จะสนับสนุนปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชา ชาติในอนาคตโดยจะสนับสนุนด้านการพัฒนากิจการพลเรือนด้านวิศวกรรม และการส่งทีมแพทย์เข้าร่วมปฏิบัติการ ทั้งนี้ สหรัฐฯ มุ่งหวังที่จะดำเนินงานร่วมกับไทยอย่างต่อเนื่องเท่าที่จะเป็นไปได้ผ่าน ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพของไทย ในการเสริมสร้างขีดความสามารถและการฝึกอบรมกองกำลังรักษาสันติภาพจากประเทศ ในภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายมุ่งที่จะให้มีการหารือด้านยุทธศาสตร์กลาโหม (Defense Strategic Talk) ครั้งต่อไปในโอกาสแรก
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการขยายความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่ ครอบคลุม รอบด้าน เพื่อสร้างเสริมประโยชน์ให้แก่ทั้งสองประเทศและแก่ภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ตลอดจนภูมิภาคอื่น ๆ ในการนี้ ไทยและสหรัฐฯ เห็นชอบร่วมกันที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมภายใต้ความตกลงทวิภาคี ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขึ้นเป็นครั้งแรกในครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งหมายที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน และเห็นพ้องที่จะมีการหารือภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าและการลงทุน (TIFA) ในวงรอบต่อไปในโอกาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สหรัฐฯ ยังตระหนักถึงบทบาทนำของไทยด้านสาธารณสุข โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมกันตรวจตรา ป้องกัน และรับมือกับโรคติดต่อและสิ่งท้าทายด้านสาธารณสุขโดยผ่านกลไกทวิภาคีและ พหุภาคี ทั้งสองฝ่ายรับทราบถึงการจัดทำแผนดำเนินการภายใต้ระยะเวลา ๕ ปี เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของวาระความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่าย ยังเห็นพ้องที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลไกการประสานงานทวิภาคี ด้ายสาธารณสุขระหว่างกัน
รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญ ของการศึกษาและความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน-สู่-ประชาชน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากแนวทางของประธานาธิบดีโอบามาที่ให้ความสำคัญต่อวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (สะเต็มศึกษา – STEM) นั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้หารือถึงความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคตและ การร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคด้านสะเต็มศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งรัฐบาลของทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นต่อพันธสัญญาที่มีต่อกันภายใต้ ข้อตกลงหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐฯ (Thai – US Creative Partnership) ในการกำหนดสาขาและกิจกรรมความร่วมมือใหม่ๆ ในกรอบนี้ ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้ริเริ่มใน ค.ศ. ๒๐๑๐
โดยตระหนักถึงความพยายามและบทบาทของไทยใน การจัดการสิ่งท้าทายต่าง ๆ ระดับโลก ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการรับมือกับการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ การโยกย้ายถิ่นฐานอย่างไม่ปกติและการค้ามนุษย์ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ การรักษาสันติภาพ และการต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะมีการจัดประชุมสุดยอดว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ในปี ๒๕๕๙
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับพัฒนาการทาง การเมืองในประเทศไทยในปัจจุบันและความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิรูปประเทศที่ ครอบคลุมทุกด้าน รวมทั้งแนวทางการกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตามหลักสากลและความร่วม มือด้านมนุษยธรรม
ทั้งสองฝ่ายมองไปในอนาคต และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา รวมถึงแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันต่อไปในอนาคต ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าการหารือยุทธศาสตร์ ไทย-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ ๖ จะมีขึ้นที่สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน