ค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันมีมูลค่าน้อยกว่าเมื่อ 50 ปีก่อน
เมื่อ 7 ปีก่อนรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่่าจาก 6.55 เหรียญ สหรัฐต่อชั่วโมงเป็น 7.25 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง แต่หลังจากนั้นค่าแรงและการ คุ้มครองแรงงานไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม Ken Weinstein เจ้าของร้านอาหาร 2 ร้านในรัฐเพ็นซิล เวเนียก็เลือกที่จะจ่ายค่าแรงพนักงาน 8.50 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมงสูงกว่าที่ กฏหมายค่าแรงขั้นต่่าก่าหนดไว้ โดย Ken ได้เปิดเผยว่าการจ่ายค่าแรงถือเป็น เรื่องของการแข่งขันกันและการจ่ายค่าแรงสูงกว่าจะท่าให้ได้แรงงานที่ดีกว่า
The Bureau of Labor Statistics เปิดเผยว่า ถึงแม้ค่าแรงขั้นต่่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ สามารถปรับขึ้นตามค่าครองชีพที่เพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อ ได้ทัน ทั้งนี้หากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อแล้ว ค่าแรงขั้นต่่า ในปี 1968 มีมูลค่าเท่ากับ 10.90 เหรียญสหรัฐของ ค่าเงินในปี 2015 ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่่าในปัจจุบัน เกือบ 4 เหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม 29 รัฐและเขต Washington D.C. มีค่าแรงขั้นต่่าสูงกว่าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก่าหนดไว้ และรัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐนิวยอร์กก็จะเป็น รัฐที่ค่าแรงขั้นต่่าสูงที่สุดในสหรัฐฯ อยู่ที่ 15 เหรียญ สหรัฐต่อชั่วโมงภายในปี 2022 และ 2018 ตามล่าดับ นอกจากนี้เมืองใหญ่ๆ บางเมืองก็มีอิสระในการปรับขึ้น ค่าแรงขั้นต่่าในเขตพื้นที่ของตนเองอีกด้วย
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทต่างๆ ก็ให้การ สนับสนุนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่่าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการถกเถียงกันว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่่าจะ ส่งผลดีหรือผลเสียต่อธุรกิจ โดยกลุ่มที่ต่อต้านเชื่อว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่่าจะส่งผลเสียต่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่สามารรองรับรายจ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้นและ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการจ่ายค่าแรงล่วงเวลาให้แก่ พนักงาน อย่างไรก็ตาม Ken เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่่า จะส่งผลเสียต่อธุรกิจ แต่การจ่ายค่าแรงขั้นต่่าเพิ่มขึ้นจะ ช่วยให้แรงงานมีรายได้ส่าหรับจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นและ จะส่งผลดีต่อธุรกิจท้องถิ่นโดยรวม
CNN Money 21 กรกฏาคม 2559
ขอขอบคุณข่าวจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก