เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกประกาศ (proclamation) เรื่อง “Suspending Entry of Aliens Who Present a Risk to the U.S. Labor Market Following the Coronavirus Outbreak” ระงับการเข้าเมืองของชาวต่างชาติที่เป็นความเสี่ยงต่อตลาดแรงงานสหรัฐฯ การประกาศดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องแรงงานอเมริกันจากการแข่งขันของชาวต่างชาติในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯ ประสบปัญหาภาวะว่างงานสูงถึงร้อยละ 14.7 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563
ประกาศในครั้งนี้เป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับของประกาศเรื่องเดียวกันที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้าเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 โดยสหรัฐฯ จะระงับการเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าเมืองด้วยวีซ่าทำงานชั่วคราวประเภทต่อไปนี้
- ประเภท H-1B (Specialty occupation) และ H-2B (Temporary non-agricultural) รวมถึงครอบครัวและผู้ติดตาม
- ประเภท J เพื่อฝึกงาน เข้ารับการฝึกหัดงาน สอนหนังสือ เป็นที่ปรึกษา เลี้ยงเด็ก หรือมาทำงานภายใต้ work and travel program รวมถึงครอบครัวและผู้ติดตาม
- ประเภท L (intracompany transferees)
** ยกเว้นบุคคลที่ถือวีซ่าดังกล่าวอยู่แล้ว หรือพำนักอยู่ในสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 24 มิถุนายน 2563
การขยายผลของประกาศฯ ให้ครอบคลุมถึงการระงับเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าเมืองด้วยวีซ่าทำงานชั่วคราว เป็นไปตามคำแนะนำของกลุ่ม immigration hawks ในสภาคองเกรส นำโดย ส.ว. Tom Cotton (ริพลับลิกัน-รัฐอาร์คันซอ) ส.ว. Ted Cruz (ริพลับลิกัน-รัฐเทกซัส) ส.ว. Charles Grassley (ริพลับลิกัน-รัฐไอโอวา) และ ส.ว. Josh Hawley (ริพลับลิกัน-รัฐมิสซูรี) ซึ่งต้องการเห็นการระงับวีซ่าทำงานชั่วคราวดังกล่าวจนกว่าอัตราการจ้างงานในสหรัฐฯ จะกลับสู่ “ภาวะปกติ”
ภาคเอกชนสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม ICT เช่น Amazon, Apple และ Google แสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่า ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมเข้าทำงาน และความหลากหลายด้านเชื้อชาติของพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของภาคเอกชนสหรัฐฯ
ประกาศนี้ส่งผลกระทบต่อโอกาสของคนไทยและนักเรียนไทยในการสมัครเข้าทำงานกับบริษัทด้าน ICT ชั้นนำของสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมภาคบริการ เช่น รีสอร์ทตากอากาศ รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อการสับเปลี่ยนหน้าที่ของผู้บริหารของบริษัทไทยที่มีสำนักงานในสหรัฐฯ
