กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ แก้กฎระเบียบการให้ทิปลูกจ้าง มุ่งประโยชน์ให้พนักงานได้ทิปอย่างเท่าเทียม

ต่อจากนี้ไป นายจ้างสามารถร้องขอให้พนักงานเสิร์ฟและพนักงานในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ได้รับทิป แบ่งค่าตอบแทนดังกล่าวกับพนักงานในตำแหน่งที่ไม่ได้รับทิป เช่น คนล้างจาน หรือคนทำอาหาร ภายใต้กฎระเบียบสุดท้ายที่กระทรวงแรงงานประกาศช่วงก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2563 กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้ออกประกาศกฎระเบียบสุดท้ายว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองค่าทิปของพนักงานโดยมีการแก้ไขมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติมาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม (Fair Labor Standards Act – FLSA) จากกฎหมายการจัดสรรงบการเงินรวม หรือ The Consolidated Appropriations Act (CAA) ฉบับปี ค.ศ. 2018

การให้ทิปในสหรัฐฯ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นอัตราร้อยละของค่าบริการ ซึ่งค่าทิปส่วนใหญ่ในร้านอาหารที่ไม่ใช้ร้านประเภทฟาสต์ฟู้ดหรือร้านประเภทบริการตัวเองจะอยู่ที่ร้อยละ 15 – 20 ของค่าอาหาร

โดยที่ผ่านมา ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากทิปที่ได้รับโดยตรงจากลูกค้าและทิปรวมจากค่าบริการที่ทางร้านได้ จะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ “หน้าบ้าน” ซึ่งเป็นพนักงานที่ต้องพบปะพูดคุยและให้บริการกับลูกค้าโดยตรง ในขณะที่ผู้ที่ทำงานในตำแหน่ง “หลังบ้าน” เช่นพ่อครัว คนล้างจาน หรือคนเดินอาหารจะไม่ได้รับทิป

กฎระเบียบใหม่ระบุว่า ให้นายจ้างสามารถแบ่งทิปรวมจากผู้ที่ทำงานหน้าบ้านให้แก่ผู้ทำงานหลังบ้านได้ โดยมีข้อกำหนดว่า จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ที่ทำงานหน้าบ้านได้รับค่าจ้างตามอัตราขั้นต่ำมาตรฐานที่กำหนดไว้ของแต่ละเมืองหรือรัฐเท่านั้น มิใช่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่ได้รับทิป (ปัจจุบัน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำมาตรฐานในระดับสหพันธรัฐอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์สหรัฐ/ชั่วโมง และอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของพนักงานที่ได้รับทิปอยู่ที่ 2.13 ดอลลาร์สหรัฐ/ชั่วโมง)

กฎระเบียบฉบับนี้ถือเป็นความสำเร็จจากการทำงานมากกว่าสามปีโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ เพื่อส่งมอบกฎระเบียบที่อุตสาหกรรมร้านอาหารต้องการมานาน

“กฎระเบียบสุดท้ายนี้ให้ความชัดเจนและความยืดหยุ่นต่อนายจ้างและยังสามารถเพิ่มค่าจ้างสำหรับคนงานหลังบ้านเช่นพ่อครัวและคนล้างจานที่ไม่เคยได้รับทิปเหมือนในอดีต” เชอรีล สแตนตัน เจ้าหน้าที่บริหารงานด้านค่าจ้างและชั่วโมงการทำงานกล่าว“การจัดสรรปันส่วนทิปที่ได้รับอนุญาตใหม่ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของค่าจ้างในกลุ่มคนงานในทุกตำแหน่ง เพราะทุกคนถือเป็นส่วนหนึ่งของงานบริการและมีส่วนช่วยลูกค้า”

กฎระเบียบดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ 60 วันหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ใน Federal Register คือวันที่ 1 มีนาคม 2564

993 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top