อนาคตอันสดใสของการส่งออกวัตถุดิบไทยไปสหรัฐฯ ในช่วงที่ร้านอาหารยังกลับมาให้บริการได้ไม่เหมือนเดิม

ปี 2563 ที่ผ่านมานับว่าเป็นปีแห่งความยากลำบากของผู้คนในทุกวงการ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกแทบหยุดชะงัก และธุรกิจร้านค้าและอาหารก็เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

จากการรายงานข่าวในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่ระบุว่า ธุรกิจร้านค้าในสหรัฐอเมริกาจำนวน 17 % ได้ปิดตัวอย่างถาวร จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากเผชิญภาวะวิกฤติ ขณะที่สมาคมร้านอาหารแห่งชาติระบุว่า มีร้านอาหารกว่า 100,000 แห่งต้องปิดตัวลง และผลสำรวจชี้ว่า 87% ของร้านอาหารที่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบ มีรายได้รวมลดลง 36%

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การแพร่ระบาดระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐฯ ให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้คนส่วนใหญ่งดการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านและหันมาปรุงอาหารบริโภคกันเองที่บ้าน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจบริการร้านอาหาร ห้าง และซุปเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายอาหาร

ข้อมูลจากสมาคมร้านอาหารสหรัฐฯ ระบุว่า ผลจากวิกฤติโควิด-19 เฉพาะช่วงเริ่มต้นของการระบาดในสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจบริการอาหารของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากภาพรวมของธุรกิจนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายสูงถึง 899 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 จากจำนวนร้านที่มีกว่า 1 ล้านแห่งทั่วประเทศ และมีการจ้างงานไม่น้อยกว่า 15.6 ล้านคน

ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านอาหารจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ธุรกิจจัดจำหน่ายอาหารและวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารกลับมีความคึกคักอย่างมาก ด้วยเหตุที่วิกฤตโควิด-19 ได้สร้างความต้องการสินค้ารายการใหม่ๆ และผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญใส่ใจกับการเลือกสรรวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารรับประทานเองมากขึ้น

สื่อออนไลน์ด้านไลฟ์สไตล์อย่าง Taste Terminal ได้ระบุเทรนด์อาหารของปี 2564 เอาไว้ว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ นิยมบริโภคอาหารไทยที่มีความเป็นต้นแบบดั้งเดิมกันมากขึ้น และนอกจากนี้ยังนิยมวัตถุดิบเพื่อสุขภาพและเน้นการบริโภคที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยปัจจัยดังกล่าวประกอบกับความนิยมวัตถุดิบที่ดีและได้มาตรฐานจะช่วยให้อนาคตการส่งออกวัตถุดิบจากไทยไปสหรัฐฯ มีโอกาสเติบโตได้มากในปีนี้

นายลอเรนซ์ อี. เคอร์เซียส ซีอีโอ บริษัท McCormic & Company บริษัทผู้นำเข้าวัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารรายใหญ่ของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ผลจากโควิด-19 ทำให้ประชาชนสหรัฐฯ ต้องประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้านซึ่งคงจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าประชาชนทั้งหมดจะได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งมีผลให้ความต้องการสินค้าวัตถุดิบ และเครื่องปรุงอาหารเติบโตอย่างมาก

ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์วัตถุดิบ เครื่องปรุงรส เครื่องเทศ สำหรับครัวเรือนและร้านอาหารจากแหล่งผลิตทั่วโลก ไม่กว่าจะเป็นแคนาดา ยุโรป เอเชีย รวมถึงไทยด้วย โดยในปี 2562 มียอดจำหน่าย 5,347 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีการประกอบอาหารเองนี้ ทำให้บริษัทมียอดขายเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสำหรับครัวเรือนเพิ่มขึ้นถึง 26% แต่ยอดขายในส่วนของลูกค้าร้านอาหารลดลง 18.5%

จากวิกฤติในครั้งนี้ ทำให้บริษัทเร่งปรับกลยุทธ์ ด้วยการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าวัตถุดิบประกอบอาหารแบบพรีเมียม และใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเน้นการเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มมิลเลเนียนและกลุ่ม GenZ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดกว้างพร้อมที่จะทดลองสินค้าใหม่ๆ แต่ที่สำคัญคือ วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนี้จะต้องมี “เอกลักษณ์” และตอบโจทย์ “รสนิยม” ของผู้บริโภคยุคใหม่กลุ่มนี้ จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นได้ จากในปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดขายมูลค่า 26.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มอีก 3-4% ในปี 2567

601 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top