จากภาวะความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเอาตัวรอดในธุรกิจร้านอาหาร ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สมาคมร้านอาหารแห่งชาติสหรัฐฯ (National Restaurant Association: NRA) จัดทำรายงานสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐฯ ในปี 2020 และลู่ทางในปี 2021
จากสถิติปี 2563 ร้านอาหารในสหรัฐฯ มียอดขายรวมมูลค่า 659 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 240 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 23.8 ของปีก่อนหน้า เนื่องจากการลดลงของการบริโภคส่วนบุคคลและภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยมีการคาดการณ์ยอดขายในปี 2564 นี้ว่า จะเติบโตร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 731.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดในปี 2564 ด้วย
นอกจากนี้ สมาคมร้านอาหารแห่งชาติสหรัฐฯ ยังเปิดเผยจำนวนร้านอาหารที่ต้องปิดตัวลงในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมแล้วมีมากกว่า 110,000 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นร้านที่ดำเนินธุรกิจมาไม่ต่ำกว่า 16 ปี และแม้แต่ร้านอาหารบางร้านที่ให้บริการในธุรกิจนี้มายาวนานอย่างน้อย 30 ปี ก็ไม่สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ซึ่งมีจำนวนถึงร้อยละ 16 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563)
ก่อนหน้านี้ สำนักงานการคลังประจำรัฐนิวยอร์ก ได้ตีพิมพ์รายงานเรื่อง The Restaurant Industry in New York City: Tracking the Recovery เกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจากผลสำรวจพบว่า บรรดาร้านอาหารในนครนิวยอร์กราว 30-50% มีแนวโน้มที่จะปิดตัวถาวรในปี 2564 เพราะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศ
รายงานระบุว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 มีแรงงานมากกว่า 315,000 คน ทำงานในอุตสาหกรรมร้านอาหารของนครนิวยอร์ก จากนั้นในเดือนมีนาคม 2563 นครนิวยอร์กกลายเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ทำให้เกิดผลกระทบอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และต่อมาในเดือนเมษายน การจ้างงานร้านอาหารลดลงเหลือเพียง 91,000 ตำแหน่ง สืบเนื่องจากข้อจำกัดของมาตรการควบคุมโรคที่ส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจในทางปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งให้กิจการต่าง ๆ ปิดทำการ การส่งเสริมให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และการรักษาระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการออกคำสั่งผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ โดยอนุญาตให้ประชาชนสามารถนั่งรับประทานอาหารกลางแจ้งได้ ก็ส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็น 174,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม
นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ร้านอาหารที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์อันย่ำแย่ ต่างก็งัดสาระพัดกลยุทธ์ออกมาใช้ เพื่อสร้างรายได้และรักษาธุรกิจให้อยู่รอดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดยร้านอาหารจำนวนมากเริ่มปรับรูปแบบในการดำเนินธุรกิจ
ร้านอาหารบางแห่งที่ไม่เคยให้บริการห่ออาหารกลับบ้านและส่งอาหารมาก่อนก็เริ่มเปิดให้บริการ มีการปรับการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของวิกฤตการแพร่ระบาด และพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือลูกค้าประจำที่เปลี่ยนไป รวมถึงการผสมผสานอาหารและความหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้น และการลดราคาและทำโปรโมชั่นต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการเปิดรับสมัครสมาชิกเพื่อรับอาหารเป็นรายเดือน บางส่วนก็หันมาเปิดตลาดอาหารที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าท้องถิ่นทั่วไป ในขณะที่บางร้านผุดไอเดียในการจำหน่ายชุดทำอาหารที่ลูกค้าสามารถทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ เช่น พิซซ่า ทาโก้ หรือเมนูอื่น ๆ ที่ขั้นตอนการทำนั้นไม่ยุ่งยาก
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอ้างอิงข้อมูลของ NRA เกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ และโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารไทย โดยอาจเน้นการขายตรงเข้าสู่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการทำอาหารรับประทานเองที่บ้านได้ง่าย ๆ โดยใช้วัตถุดิบสินค้าอาหารไทย หรืออาจสร้างกลุ่มผู้สนใจ อาหารไทยโดยใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึง ความน่าสนใจของอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เพราะจากการสำรวจพบว่าความต้องการอาหารแช่แข็งเติบโตร้อยละ 70 โดยในจำนวนผู้บริโภคร้อยละ 7 ไม่เคยซื้ออาหารแช่เยือกแข็งมาก่อน และคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้คือกลุ่มครอบครัวและผู้มีรายได้สูง ซึ่งที่ผ่านมาอาหารแช่แข็งคือทางเลือกในการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคอเมริกันในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จากข้อมูลที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะอยู่ในสภาวะตกต่ำไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง และครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกันผู้ถูกสำรวจระบุว่า จะยังคงซื้ออาหารแช่แข็งต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
- https://www.ditp.go.th/ditp_web61/php?filename=contents_attach/712741/712741.pdf&title=712741&cate=413&d=0
- https://www.osc.state.ny.us/files/reports/osdc/pdf/nyc-restaurant-industry-final.pdf
