ธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ ทุบสถิติเติบโตสูงสุดในประวัติการณ์ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำส่งผลต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกทั้งทางด้านสาธารณสุขและทางด้านเศรษฐกิจ แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีแฝงอยู่ เมื่อหนังสือพิมพ์ The New York Times เผยแพร่ผลการศึกษาที่ชี้ว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้ได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในแบบที่ไม่สามารถทำได้ในสภาวะปกติ

แม้ว่าจะประสบกับความหายนะด้านสุขภาพและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ แต่กิจกรรมทางธุรกิจของสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ กลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจสตาร์ทอัพมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 3.5 ล้านรายในปี 2562 เป็น 4.4 ล้านรายในปี 2563 คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 24 %

นอกจากในสหรัฐฯ จำนวนธุรกิจใหม่ในชิลี ตุรกี และสหราชอาณาจักร ต่างก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในบางประเทศ เช่น โปรตุเกสและรัสเซีย ไม่ได้คึกคักนัก โดยมีตัวเลขลดลง 1 ใน 4 ส่วนในจีน การก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพแทบไม่ขยับ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 3 % ในสามไตรมาสแรกของปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2562

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะถดถอยของการก่อตั้งธุรกิจมานานหลายทศวรรษ แม้จะมีหลายธุรกิจใหม่ใน Silicon Valley ที่ประสบความสำเร็จและมีผลงานโดดเด่น แต่อัตราการเริ่มต้นบริษัทใหม่ ๆ ของชาวอเมริกันก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากผลการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 โดยนักวิจัยจาก Peterson Institute for International Economics พบว่า ชาวอเมริกันเริ่มต้นธุรกิจ 4.4 ล้านรายในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 24 % จากปีก่อน นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

การเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพในปี 2563 นั้นตรงกันข้ามกับสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในครั้งก่อน ที่จำนวนธุรกิจสตาร์ทอัพลดลงเนื่องจากติดปัญหาเรื่องการยื่นขอความช่วยเหลือด้านเงินทุน นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่า สหรัฐฯ แตกต่างจากประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ที่กิจกรรมของธุรกิจสตาร์ทอัพเริ่มลดลงเมื่อปีที่แล้วหรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ เติบโตเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมูลค่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับครัวเรือนและธุรกิจ ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือมูลค่ามากกว่าช่วงเศรษฐกิจถดถอยในอดีตและมากกว่าประเทศอื่น ๆ

“นี่เป็นภาวะถดถอยครั้งแรกในช่วง 50 ปี ที่เรามีเงินทุนมากกว่าช่วงก่อนวิกฤต” นาย Simeon Djankov หนึ่งในทีมผู้ร่วมทำวิจัยกล่าวในรายงานผลการศึกษา

การเติบโตดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจการให้เช่าคลังสินค้า ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในช่วงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

รายงานดังกล่าวนำข้อมูลมาจากผลสำรวจของสำนักสำรวจสำมะโนประชากร โดยได้นิยามความเป็นผู้ประกอบการแบบกว้าง ๆ เอาไว้ ครอบคลุมตั้งแต่ฟรีแลนซ์แบบไม่เต็มเวลา ไปจนถึงมหาเศรษฐีที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจบางอย่างอาจจะเป็นมากกว่างานเสริมที่ผู้คนเริ่มทำในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านตามประกาศล็อคดาวน์

นอกจากนี้ กลุ่มสตาร์ทอัพที่มีแนวโน้มการจ้างงาน มีอัตราเพิ่มขึ้น 15.5 % โดยนาย Djankov กล่าวว่า การขยายตัวของธุรกิจกลุ่มเล็กๆ จะเป็นส่วนช่วยหนุนการจ้างงานและการเพิ่มผลผลิตได้อย่างมากในอนาคต

อ้างอิงข้อมูลจาก

272 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top