YouTube Shorts แอพพลิเคชั่นที่ให้บริการวิดีโอรูปแบบสั้น และคู่แข่งสำคัญของ TikTok เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยให้นักสร้างคอนเทนท์สามารถบันทึก แก้ไข และแชร์เนื้อหาวิดีโอแบบสั้นที่มีความยาวไม่เกิน 60 วินาทีได้ พร้อมทั้งสามารถใส่เพลงยอดนิยมจากหลายค่ายเพลงขนาดใหญ่ที่ YouTube เป็นพันธมิตรด้วย
YouTube Shorts เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2563 โดยมีการเปิดให้ทดลองใช้แอพพลิเคชั่นในอินเดียเป็นที่แรก ซึ่งตั้งแต่การเริ่มทดลอง จำนวนผู้ใช้บริการได้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า (และเป็นช่วงที่แอพพลิเคชัน TikTok ถูกห้ามใช้ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างสหรัฐฯ)
การสร้างคอนเทนท์บน YouTube Shorts นั้น มีความคล้ายคลึงกับ TikTok โดยผู้ใช้งานสามารถแตะบนปุ่มเครื่องมือเพื่อเริ่มหรือหยุดบันทึกวิดีโอสั้น ๆ พร้อมทั้งสามารถเลือกใส่เสียงหรือเพลงประกอบ และแก้ไขวิดีโอได้ผ่านเครื่องมือและฟิลเตอร์ต่างๆ
ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงล็อคดาวน์ หลาย ๆ คนต้องขาดรายได้จากการไม่มีงานทำ แต่ผู้สร้างคอนเทนท์ผ่าน TikTok หรือที่เรียกกันว่า TikToker รายใหม่ ๆ ได้แจ้งเกิดขึ้นมากมาย
ดาว TikTok รายใหม่เกิดขึ้นมากมายและทำรายได้ไม่น้อย โดยนิตยสาร Forbes รายงานว่า มีดาว TikTok หลายรายที่ทำรายได้จากการสร้างคอนเทนท์แนวบันเทิงและคอนเทนท์โปรโมทธุรกิจต่าง ๆ ที่ทำรายได้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักเมื่อปีที่ผ่านมา โดยผู้ทำรายได้สูงสุดอันดับหนึ่งได้แก่ Addison Rae Easterling หญิงสาวชาวอเมริกันวัย 20 ปี ผู้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ การร้อง การเต้น และไลฟ์สไตล์ โดยสามารถทำรายได้ทั้งสิ้น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในหนึ่งปี
เว็บไซต์ exolyt.com ได้กล่าวว่า จำนวนรายได้สำหรับนักสร้างคอนเทนท์ใน TikTok มีความแตกต่างกันมากสำหรับแต่ละโปรไฟล์และอุตสาหกรรม โดย TikToker สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึง 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการเป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์หนึ่งครั้ง แต่ถ้าหากคุณมีโปรไฟล์ที่ดีมากก็จะทำให้แบรนด์สินค้าประเภทต่าง ๆ อยากร่วมงานด้วยมากขึ้น
หลังจากที่ผู้ให้บริการวิดีโอระดับใหญ่ของโลกอย่าง YouTube เห็นว่า TikTok เติบโตอย่างมากในสหรัฐฯ จากในช่วงเวลาแค่หนึ่งปีที่ผ่านมา ทางบริษัทจึงปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่าง YouTube Shorts มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ให้บริการวิดีโอสั้นอย่าง TikTok โดยตรง
ซึ่งแน่นอนว่า YouTube ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลเจ้าแรกที่ทำผลิตภัณฑ์รูปแบบเดียวกันมาต่อสู้กับ TikTok ที่ผ่านมา Instagram และ Snapchat ก็ได้สร้าง Reels และ Spotlight ออกมาเช่นเดียวกัน แต่สำหรับ YouTube ซึ่งเป็นให้บริการวิดีโอแพลตฟอร์มอยู่แล้ว มีความพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่วิดีโอรูปแบบใหม่บนมือถือ และสร้างพันธมิตรกับธุรกิจในอุตสาหกรรมดนตรี
อย่างไรก็ตาม TikTok ที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 700 ล้านราย และมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับผู้ใช้งานทั่วประเทศ โดยเมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้น TikTok เองก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้สำหรับธุรกิจในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้และจดจำแบรนด์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
จากการรายงานข่าวหลายสำนักเผยให้เห็นว่า มีพนักงานร้านอาหารที่ตกงานจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากมาย ที่หันมาทำคอนเทนท์การทำอาหารผ่านวิดีโอสั้นใน TikTok และนั่นก็กลายมาเป็นรายได้ใหม่ของพวกเขาในช่วงที่ยังไม่สามารถหางานได้
YouTube Shorts เพิ่งเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ ได้ไม่นาน แต่กระแสการตอบรับก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และข้อที่ทำให้ YouTube Shorts น่าจะมีโอกาสในการเติบโตได้รวดเร็ว คือในอนาคต คอนเทนท์ต่าง ๆ ของ YouTube Shorts ก็จะเชื่อมโยงได้กับแพลตฟอร์มหลักอย่าง YouTube ที่มีผู้เผยแพร่คลิปสั้นผ่านทาง YouTube มากกว่า 6,500 ล้านคลิปต่อวันทั่วโลก
แต่ไม่ว่าการต่อสู้กันของกลุ่มผู้ให้บริการนี้จะเป็นอย่างไร และใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามนี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์เพื่อการทำธุรกิจต่างก็มีช่องทางในการโปรโมทธุรกิจของตัวเองมากยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของตัวเองในช่วงการฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาดังเดิม