Datassential บริษัทวิจัยด้านอาหารของสหรัฐฯ รายงานว่า ร้านอาหารกว่าร้อยละ 10 ในสหรัฐฯ ต้องปิดทำการถาวร นับตั้งแต่เริ่มวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ผลจากการสำรวจฐานข้อมูลของ Datassential พบว่า ร้านอาหาร 79,438 แห่งในสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลง คิดเป็นร้อยละ 10.2 จากร้านอาหารทั้งหมด 778,807 แห่ง ประกอบไปด้วยร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบและบริการแบบจำกัด รวมถึง Food Truck หรือรถขายอาหาร
โดยรถขายอาหารได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีผู้ประกอบการที่เลิกกิจการไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 22 ในขณะที่ร้านอาหารบริการแบบด่วน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม มีอัตราการปิดตัวต่ำสุดที่ ร้อยละ 9.8
Datassential รายงานว่า ร้านอาหารประเภท chain ที่มีสาขามากกว่า 500 แห่งได้รับผลกระทบน้อยกว่าร้านอาหารอิสระและร้านประเภท chain ที่มีขนาดเล็กกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหารประเภท chain ที่มีสาขาระหว่าง 51 – 100 แห่งนั้น ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคิดเป็นร้อยละ 16.2 ที่ต้องปิดตัวเป็นการถาวร
ในแง่ของประเภทอาหาร ร้านอาหารประเภทเบอร์เกอร์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยมีเพียงแค่ร้อยละ 7.3 ที่ต้องปิดตัวถาวร ในขณะที่ร้านอาหารฝรั่งเศส มีอัตราการปิดตัวสูงสุดที่ร้อยละ 15.3
แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่ท้าทายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ แจ็ค หลี่ ซีอีโอของ Datassential กล่าวว่า เกือบร้อยละ 90 ของร้านอาหารที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่มีโอกาสที่ดีที่จะยังคงเปิดกิจการต่อไปได้
“ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากที่สุดที่อุตสาหกรรมร้านอาหารเคยเผชิญมา” หลี่กล่าวในแถลงการณ์ “แต่ข่าวดีก็คืออัตราการปิดกิจการจะชะลอตัวลง และร้านอาหารเหล่านั้นเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ที่ต้องเผชิญในยุค new normal”
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่สองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการจ้างงาน 15.6 ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ10 ของแรงงานในสหรัฐฯ โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการว่างงานกว่า 3 ล้านคนในธุรกิจบริการอาหาร
ปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มขยายตัว เห็นได้จากมีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 4 ในไตรมาสสุดท้ายจากที่หดตัวไปร้อยละ 31 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพิ่มร้อยละ 6.2 ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะส่งผลดีของธุรกิจร้านอาหารและการเพิ่มขึ้นของยอดขายรวมไปถึงการจ้างงานสาขานี้
นักวิเคราะห์ตลาดร้านอาหารคาดว่า ธุรกิจบริการอาหารจะมียอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2564 เป็นจำนวน ประมาณ 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้การคาดหวังของธุรกิจบริการอาหารในอนาคตจะเชื่อมโยงโดยตรงกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดีโควิด-19 เป็นทั้งอุปสรรคและโอกาสต่อความต้องการสินค้าไทย โดยส่งผลกระทบเชิงลบต่อสินค้าในด้านความล่าช้าและเพิ่มต้นทุนในการขนส่ง และสินค้าบางรายการขาดแคลนในตลาด และราคาสินค้าเครื่องปรุงอาหารไทยที่จำหน่ายมีราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้ งาน NRA Restaurant Show ซึ่งเดิมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 พ.ค. 64 เป็นงานแสดงสินค้าสำคัญที่สุดของตลาดธุรกิจบริการอาหารของสหรัฐฯ ถูกยกเลิกเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในระดับเกินกว่ามาตรการควบคุม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของธุรกิจบริการอาหาร
แต่ในขณะเดียวกัน โควิด-19 ก็สร้างโอกาสความต้องการสินค้ากลุ่มใหม่ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ บรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับ Carry-out อย่างกล่องใส่อาหาร ถุงแบบต่าง ๆ และของใช้ด้านสุขอนามัย เช่น ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ น้ำยาทำความสะอาด ซึ่งเป็นผลจากการให้ความสำคัญและข้อปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายไวรัส หรือแม้กระทั่งสินค้าประเภทอาหารหรือสันทนาการที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จากการใช้ชีวิตในรูปแบบวิถีใหม่ของชาวอเมริกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโอกาสของสินค้าไทยในสหรัฐฯ ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้
- อาหารที่มีสรรพคุณทางยา
- สินค้าในกลุ่มโปรตีนจากพืช
- ของเล่น-อุปกรณ์กีฬา
- สินค้าของใช้สัตว์เลี้ยง
- ของทานเล่นทำจากผลไม้ น้ำตาลน้อย