ความซื่อสัตย์ ความจริง และสัญญาใจที่มีความหมายกว่าสัญญาเงิน 1/2

คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝันเป็นของตัวเอง ความฝันที่เราต้องแลกมาด้วยความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจอันแน่วแน่ โดยที่ไม่ยอมแพ้พ่ายให้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต

ตรีรัตน์ เอี่ยมอุไรรัตน์ หรือคุณจิมมี่ อายุ 51 ปี เจ้าของร้านอาหารไทยหลายแห่งในเมืองเบเคอร์สฟิลด์ (Bakersfield) รัฐแคลิฟอร์เนีย เดินทางจากประเทศไทยสู่นครลอสแอนเจลิส หรือแอลเอ สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2544 จากลูกจ้างบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารเลย เริ่มต้นการใช้ชีวิตในต่างแดนด้วยการเข้าทำงานร้านอาหารไทยในแอลเอ คุณจิมมี่เชื่อว่า การได้ทำงานในร้านอาหารไทยในเมืองที่มีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะการเริ่มต้นจากการสื่อสารด้วยภาษาไทยน่าจะง่ายกว่าการกระโดดไปเริ่มต้นด้วยการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

“บินจากเมืองไทยไปแอลเอเพราะคิดว่าเป็นเมืองที่มีคนไทยอาศัยอยู่เยอะ เราคิดว่าจะเริ่มอะไรได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยก็มีคนไทยด้วยกัน เราเริ่มจากคนที่รู้จักและทำงานต่อไปเรื่อย ๆ เราเริ่มจากการพูดภาษาไทย และหัดพูดภาษาอังกฤษ ค่อย ๆ เรียนรู้ทุกอย่าง 1-2-3”

คุณจิมมี่ทำงานในร้านอาหารที่แอลเอประมาณ 3-4 ปี ก็ได้เรียนรู้ตัวเองว่าตนเองนั้นมีความชอบในธุรกิจร้านอาหาร และเชื่อว่าสักวันจะต้องได้เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในแอลเอ จากนั้นคือขั้นตอนของการมุ่งมั่นเก็บเงินเพื่อก้าวสู่การเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยเต็มตัว

เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ความท้าทาย และอุปสรรควัดใจ ในการเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร

คุณจิมมี่ใช้เวลานานหลายปีในการเก็บหอมรอบริบ จนมีเงินมากพอในการเปิดร้านอาหารในแอลเอตามที่ฝันเอาไว้ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังหวัง เมื่อเปิดร้านได้เพียงแค่ 2 เดือนก็เกิด “ไฟไหม้” ภายในร้าน

“ครั้งแรกที่ทำร้านมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ เกิดไฟไหม้ภายในร้าน เราทำได้แค่เดือน 2 เดือน ทำให้เราเรียนรู้ว่าการทำงานทุกอย่างต้องมีประกันให้ครบถ้วน เมื่อทำการซื้อขายธุรกิจกันเราต้องทำให้ถูกต้อง 100% เพื่อที่จะได้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ เราใช้เวลานานหลายปีในการต่อสู้ในชั้นศาล สุดท้ายเราชนะคดีแต่เงินที่ได้มาก็ต้องจ่ายไปกับค่าทนาย พูดได้ว่าเราไม่เหลืออะไรเลย ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด”

ถึงแม้จะต้องเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา คุณจิมมี่ก็ไม่ยอมแพ้ เริ่มเก็บเงินและทำร้านใหม่อีกครั้งในแอลเอ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในแอลเอมีการแข่งขันที่สูงมาก

“ในแอลเอมีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้อยร้าน ทุกร้านก็ต้องแข่งขันกัน ซึ่งไม่ได้มีการแข่งขันทางด้านคุณภาพ แต่กลับเป็นการแข่งกันลดราคาเพื่อแย่งลูกค้า สุดท้ายทุกคนก็ต้องหาต้นทุนให้ต่ำที่สุดเพื่อจะได้อยู่กันได้ ในขณะที่เราทำทุกอย่างถูกต้องเราก็อยู่ไม่ได้ เลยต้องย้ายออกมาอยู่นอกเมือง”

จากแอลเอสู่เบเคอร์สฟิลด์ซึ่งเป็นเมืองที่มีการแข่งขันต่ำ คุณจิมมี่ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีจากการทำงานในแอลเอมาตั้งต้นเปิดร้านใหม่อีกครั้งในเบเคอร์สฟิลด์ เมื่อปี 2554 ในชื่อ “บลู เอเลเฟ่น” (Blue Elephant)

“พอย้ายออกมาการแข่งขันมันต่ำ เพราะร้านไทยไม่ได้เยอะเหมือนในแอลเอ หลังจากที่เรามีประสบการณ์จากการที่ไม่ประสบความสำเร็จในแอลเอ เราได้เรียนรู้และทำทุกอย่างให้เป็นระบบอย่างถูกต้อง สำหรับบลูเอเลเฟ่นเราตั้งใจทำให้เป็นร้านอาหารไทย 100% ไม่มีลูกผสมเลย ที่ร้านเราจะมีข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวทุเรียน เพราะร้านเรากล้าที่จะทำข้าวเหนียวทุเรียนขาย อย่างข้าวเหนียวมะม่วงวันหนึ่ง ๆ เราขายได้ประมาณ 40-50 ออเดอร์ เรามั่นใจว่าของเราอร่อย เราให้ลูกค้าชิมถ้าลูกค้าบอกว่าไม่อร่อย ก็ไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับออเดอร์นี้”

และเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา คุณจิมมี่ก็ได้เปิดร้านแห่งที่ 2 ในชื่อ แอท ซี เฟรช (@ C Fresh)โดยเน้นไปที่การขายอาหารทะเล หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม “กุ้งถัง ปูถัง” สำหรับเหตุผลที่เลือกทำร้านสไตล์นี้ก็เพราะว่ากำลังได้รับความนิยม และผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ก็นิยมชมชอบอาหารสไตล์นี้เป็นทุนอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากอาหารทะเลแล้วลูกค้ายังสามารถสั่งเมนูอาหารไทยได้บ้าง แต่อาจจะไม่ครบครันเหมือนที่ร้านบลูเอเลเฟ่น

นอกจากนี้ คุณจิมมี่กำลังเตรียมเปิดร้านที่ 3 “บลู เทเบิล” (Blue Table) ร้านอาหารไทยที่อยู่ห่างจากร้านแรกประมาณ 10 กว่าไมล์ เพื่อขยายตลาดและเอาใจลูกค้าที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ เพื่อเตรียมเปิดร้านในเร็ว ๆ นี้

ต่อตอนที่ 2/2

869 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top