“น้องข้าวมันไก่” สาวไทยกับเส้นทางการเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในพอร์ตแลนด์ที่ไม่ได้โรยด้วยดอกกลีบกุหลาบ 2/2

“หากมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าเรามีแรงขับมานานแล้ว มีมาตั้งแต่เด็ก เรามองเห็นว่าชีวิตเราลำบาก เรามาแบบลำบาก พ่อก็เป็นอย่างนี้ ฉันอยากมีชีวิตที่ดีและต้องทำให้ได้ ซึ่งวันนี้ก็ทำได้แล้วจริง ๆ บางครั้งยังไม่เชื่อเลยว่าทำได้อย่างไร มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”

“ตอนที่คิดว่าทำได้แล้วคืออายุประมาณ 34 แต่ตอนที่อายุ 27 ก่อนที่จะเปิดร้านเป็นช่วงที่หมดหวังในชีวิต ตอนนั้นอยู่สหรัฐฯ มา 7 ปีแล้ว เราก็ท้อ เราไม่มีแฟน ไม่มีใครช่วย มันเหมือนมืดมิดทุกวันเลย คนที่ทำงานที่ร้านเขาเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็ดูถูก เพราะพี่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไปเรียน พี่ทำงานตลอด 7 วันเช้าเย็น มีความหวังเหมือนกับเทียนที่กำลังจะดับ แต่ก่อนที่เทียนจะดับมันจะมีแสงอยู่วาบหนึ่ง ซึ่งมันคือวาบสุดท้าย และพลังมันมาจากความลำบาก”

ความสำเร็จในวันนี้

ปัจจุบันคุณน้องไม่ได้ทำธุรกิจรถขายอาหารแล้ว เนื่องจากจุดที่เคยจอดรถกลายเป็นโรงแรม ประกอบกับบทบาทใหม่ในฐานะคุณแม่ ที่ทำให้เธอคิดว่าการบริหารงานร้านอาหารจำนวน 2 สาขา และบริษัทน้ำซอสของเธอก็น่าจะเพียงพอแล้ว และมันก็ง่ายสำหรับบริบทในชีวิตของเธอ ณ ปัจจุบัน กับประสบการณ์เปิดร้านมามากกว่า 10 ปี เธอเชื่อว่าหากเป็นวิชาเรียนเธอก็สามารถเรียนจนจบหลักสูตรนี้แล้ว

“คิดว่าผ่านจุดที่สูงที่สุดมาแล้ว ตอนนี้พี่มีลูกเลยคิดว่าบริหาร 2 ร้านนี้มันง่ายกว่า ถ้าเป็นร้านมันบริหารง่ายกว่าที่เป็นรถ ส่วนตัวแล้วคิดว่าเราประสบความสำเร็จมากเกินกว่าที่เราจะคาดหมาย ตอนนี้เปิดร้านอาหาร 2 สาขาและทำน้องซอสแบรนด์ มีวางขายในซุเปอร์มาร์เก็ตและขายในอเมซอนด้วย”

ความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากโควิด-19

“ปกติจะตั้งเป้าหมายทุกปี ก่อนโควิดมามี 2 สาขา ช่วงโควิดปิดไป 1 สาขา เปิดขาย 1 สาขา คิดว่าจะเปิดร้านสาขา 2 ที่ปิดเอาไว้ แต่ก็ยังเปิดไม่ได้เพราะไม่มีคนมาทำงาน”

ในปีที่ผ่านมา เป้าหมายของคุณน้องคือ “ประคองน้องข้าวมันไก่และน้องซอสไปให้ได้” และเมื่อเธอสามารถพาร้านและแบรนด์รอดจากโควิดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เป้าหมายต่อไปของเธอในปีนี้จึงกลายเป็น

การช่วยเหลือผู้อื่น

“มันยากมาก ๆ ตอนที่เขาล็อกดาวน์เราต้องเปลี่ยนการจัดการในร้านทั้งหมดภายในช่วงข้ามคืน ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นออนไลน์ ต้องทำเว็บไซต์เอง เพราะตอนนั้นทุกคนยุ่งหมด หลังจากนั้นก็ติดต่อกับรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ กฎเปลี่ยนตลอด เราให้ลูกค้ารับประทานนอกร้านหรือซื้อกลับบ้าน และต้องรับมือกับความเครียดของพนักงานและลูกค้าด้วย พูดง่าย ๆ เหมือนเปิดร้านใหม่ภายใน 24 ชั่วโมง”

นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญยังเป็นเรื่องวัตถุดิบ เพราะของที่เคยสั่งไม่สามารถมาส่งได้ตามปกติ หรือในกรณีซอสที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่กลับประสบปัญหาขาดแคลนบรรจุภัณฑ์

“การทำน้ำซอสก็ช่วยพี่ได้เยอะเหมือนกัน เป็นโลกของซอสที่ไม่ใช่ร้านอาหาร ทำไปเรื่อย ๆ เงินจากการขายซอสก็ไม่ได้มากมาย เราเป็นแบรนด์เล็ก ๆ แต่มันให้กำลังใจพี่ เพราะตอนที่พี่ปิดร้านต้องให้ลูกน้องออกไปกว่า 70% เหลือพนักงานอยู่แค่ 16 คน ในวันที่ขายไม่ดีเลยคือรายได้ตกเป็นศูนย์ เราคิดว่าจะไปรอดไหม แต่เราก็สู้ไปด้วยกัน”

กำลังใจและแรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกำลังใจเกือบทั้งหมดของเธอคือชีวิตความเป็นอยู่ที่ประเทศไทย คุณน้องต้องมองหาแรงบันดาลใจในทุก ๆ วัน เพื่อให้เดินผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปให้ได้ “คิดบวก” ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจดี ๆ รวมไปถึงคลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดในยุคฟองสบู่แตกของประเทศไทย

“บอกตัวเองว่าเราต้องช่วยลูกน้องนะ ที่เราเปิดร้านก็โดนว่าว่าเปิดทำไม แต่อีกส่วนก็ขอบคุณที่เราเปิดร้าน มันมีแรงเสียดทานเยอะมาก มันยากมาก ๆ ในการทำร้านช่วงโควิด แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เชื่อว่าเราว่ายน้ำข้ามพายุมาแล้ว ผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว วันนี้เราลอยคอและคิดว่าต้องทำอย่างไรที่จะไปให้ถึงฝั่ง ต้องอาศัยกำลังใจล้วน ๆ เลย”

“วันนี้เราตั้งเป้าหมายใหม่ว่า ถ้าจะทำให้มันผ่านไปให้ได้ เราก็จะต้องช่วยเหลือคนอื่นด้วย ช่วยลูกน้องด้วย พี่อยากเล่าประสบการณ์เพื่อช่วยคนที่กำลังประสบกับอุปสรรคเหมือนกับเรา”

คุณน้องเริ่มทำพอดแคสต์เพื่อพูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์ และปล่อยตอนแรกของเธอไปเมื่อไม่นานนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Tx6mW6XxzRI&ab_channel=Nongs

“พี่มีไอเดียนี้นานแล้วแต่ไม่กล้าทำ เพราะภาษาเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราพูดได้แต่ไม่ถึงขั้นจะเป็นพิธีกรได้ แต่ถ้าให้ผ่านโควิดไปได้เราต้องคิดบวก พี่เลยจัดการทำเลย พี่ไปสัมภาษณ์เจ้าของกิจการคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้หญิง ทั้งคนอเมริกัน คนเอเชีย เราจะถามในทำนองว่า การสร้างธุรกิจต้องประสบกับปัญหาอะไรบ้าง เราอยากถ่ายทอดเรื่องราวให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการคนอื่น ให้เขามีกำลังใจทำธุรกิจต่อไป ทำให้การจ้างงานยังคงอยู่ และเพื่อการสร้างรายได้ให้กับพนักงาน เพราะการประกอบการในช่วงโควิดมันยากมาก ๆ ทำอาหารมันยากอยู่แล้ว ในช่วงโควิดคิดว่ายากกว่าเดิมถึง 3 เท่า พี่จะไปเปิดร้านสาขา 2 ที่ปิดเอาไว้ แต่ก็ยังเปิดไม่ได้เพราะไม่มีคนมาทำงาน ปัญหามันสุดยอด ถาโถมเข้ามาทุกวัน เหมือนเราเริ่มใหม่ แต่เราก็จะทำต่อไป เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

เคล็ดลับความสำเร็จ

คุณน้องเป็นอีกคนที่เชื่อว่า “ความซื่อสัตย์” คือกุญแจสู่ความสำเร็จ “เราต้องซื่อสัตย์กับลูกน้อง ซื่อสัตย์กับตัวเอง และซื่อสัตย์กับลูกค้า เราต้องกล้าที่จะแตกต่าง และจะต้องดำเนินธุรกิจแบบมีมนุษยธรรม”

ฝากถึงคนไทยที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ

“อยากบอกว่าถ้าอยากทำก็ทำเลย” แต่สิ่งหนึ่งที่คุณน้องปฏิบัติต่อพนักงานในร้านก็คือการดูแลเอาใจใส่ แบบที่เธอไม่เคยได้รับจากนายจ้าง เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นลูกจ้าง

“ตอนนี้พี่มีบริษัทเป็นของตัวเอง พี่คิดว่าเรามีพลังที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ พลังที่อยู่ในกำมือของคุณ ถ้าคุณใช้พลังนี้ให้มันถูกต้อง คุณจะเปลี่ยนได้แม้กระทั่งชีวิตของลูกน้องคนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ เราทำงานแบบมีคุณธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และการที่เราจะอยู่แบบผู้แพ้ไปวัน ๆ นั้นมันง่าย แต่การอยู่อย่างไรให้สามารถควบคุมทุกสถานการณ์ไว้ได้มันยากยิ่งกว่า”

ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง

https://khaomangai.com/

https://www.ridingtiger.com/

https://www.youtube.com/watch?v=Tx6mW6XxzRI&ab_channel=Nongs

https://podcasts.apple.com/us/podcast/riding-tiger-podcast/id1565010294

https://www.facebook.com/nongskhaomangai/photos

2,012 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top