10 รัฐที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ ตอนที่ 1/2

U.S. News จัดอันดับรัฐที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ ประจำปี 2564 โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมด้านต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ ผ่านตัวชี้วัดสำคัญ อาทิ สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร (average patent creation) อัตราการสร้างธุรกิจ (average business creation rates) ภาระภาษี (tax burden) จำนวนสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำ และจำนวนธุรกิจเงินร่วมลงทุน (joint venture investments)

โดย 10 รัฐที่ได้รับการจัดอันดับว่าดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจในปีนี้ ได้แก่

  1. โรดไอแลนด์ (Rhode Island)

อัตราการสร้างธุรกิจ: 3.2%

ภาระภาษี: 10.5%

สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร: 403 ต่อล้านคน

โรดไอแลนด์เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่จำนวนมากที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน อุตสาหกรรมหลักของโรดไอแลนด์ ได้แก่ ชีวการแพทย์ (biomedicine) การวิเคราะห์ข้อมูลและไซเบอร์ (cyber and data analytics) การต่อเรือรบและผลิตภัณฑ์ด้านการเดินเรือ และการผลิตและบริการทางธุรกิจขั้นสูง โดยอุตสาหกรรมการขนส่งและการท่องเที่ยวของรัฐกำลังเติบโตและสร้างรายได้ให้แก่รัฐหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

  1. จอร์เจีย (Georgia)

อัตราการสร้างธุรกิจ: 3.6%

ภาระภาษี: 8.5%

สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร: 294.7 ต่อล้านคน

จอร์เจียมีอัตราการสร้างธุรกิจสูงเป็นอันดับ 7 ในสหรัฐฯ และเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ Hartsfield-Jackson Atlanta ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สายการบิน Delta และบริษัทชื่อดังต่าง ๆ เช่น Home Depot, UPS, Coca-Cola และ Aflac และเป็นศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีแนวโน้มการเติบโตเป็นอย่างมาก โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Georgia Institute of Technology

  1. ยูทาห์ (Utah)

อัตราการสร้างธุรกิจ: 4.0%

ภาระภาษี: 9.4%

สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร: 579.7 ต่อล้านคน

จากการจัดอันดับรัฐที่ดีที่สุด (Best States) ยูทาห์ถือเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในสหรัฐฯ โดยมีชื่อเสียงเรื่องกิจกรรมการเล่นสกี มีภูเขาใกล้เมืองซอลท์เลคซิตี้ (Salt lake City) ที่มีหิมะตกเฉลี่ยปีละ 500 นิ้ว รวมถึงการจัดเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ (Sundance Film Festival)  ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์อินดี้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่จัดแสดงทุกเดือนมกราคม

  1. คอนเนคทิคัต (Connecticut)

อัตราการสร้างธุรกิจ: 2.5%

ภาระภาษี: 10.7%

สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร: 829.1 ต่อล้านคน

คอนเนคทิคัตเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ได้รับการจัดลำดับโดยนิตยสาร Fortune (“Fortune 500”) หลายบริษัท โดยคิดเป็นจำนวนบริษัทต่อหัว (per capita) มากที่สุดในสหรัฐฯ อาทิ บริษัทประกันสุขภาพ Aetna และ Cigna บริษัท Charter Communications และ บริษัท Pitney Bowes นอกจากนี้ รัฐคอนเนคทิคัต ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อดิจิทัลมากกว่า 1,200 แห่งตั้งอยู่ในรัฐ รวมถึง ESPN สื่อยักษ์ใหญ่ด้านกีฬา และมีอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ได้แก่ การผลิตขั้นสูง (advanced manufacturing) ชีววิทยาศาสตร์ (bioscience) เทคโนโลยีสีเขียว ประกันภัย และบริการทางการเงิน

  1. เดลาแวร์ (Delaware)

อัตราการสร้างธุรกิจ: 3.5%

ภาระภาษี: 9.8%

สัดส่วนการขอจดสิทธิบัตร: 317.0 ต่อล้านคน

เดลาแวร์มีสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำตั้งอยู่มากเป็นอันดับสามของสหรัฐฯ มีอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยา อุตสาหกรรมเคมี และพลาสติก มีบริษัท DuPont หนึ่งในผู้ผลิตสารเคมีชั้นนำของโลกตั้งอยู่ รัฐเดลาแวร์จึงถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงทางเคมีของโลก” อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐ ได้แก่ ธุรกิจด้านการเงินและประกันภัย เนื่องจากรัฐเดลาแวร์มีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการจัดตั้งธุรกิจ จากแรงจูงใจด้านภาษี ไปจนถึงกฎหมายที่เอื้ออำนวยสำหรับการก่อตั้งธุรกิจ

ต่อตอนที่ 2/2

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.usnews.com/news/best-states/slideshows/10-best-us-states-for-business

1,119 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top