การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคมีผลต่ออุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท ในขณะที่ทุกอย่างกำลังกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น และผู้คนก็เริ่มออกจากบ้านมาใช้ชีวิตปกติ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและการศึกษา การกลับมารับประทานอาหารนอกบ้าน รวมไปถึงประสบการณ์ในการใช้จ่ายที่ผ่านมา จะส่งผลต่อวิธีที่ผู้บริโภคใช้จัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย ในช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและต่อเนื่องไปในอนาคต
นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของบริษัทวิจัย NPD คาดว่า พฤติกรรมหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่จะคงอยู่ต่อไปในระยะยาว สิ่งจำเป็นที่เจ้าของกิจการและผู้ค้าปลีกควรคำนึงถึง คือ แนวโน้มการบริโภคว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในระดับใด หรืออิทธิพลจากความนิยมในผลิตภัณฑ์บางกลุ่มจะสามารถส่งผลไปถึงหมวดหมู่อื่น ๆ หรือแม้แต่ขยายตัวไปถึงอุตสาหกรรมอื่นได้ด้วยหรือไม่
การเปลี่ยนบ้านให้เป็น Hollywood ด้วยจอภาพขนาดใหญ่
ในปีที่ผ่านมาความบันเทิงในบ้านกลายเป็นหัวใจสำคัญในชีวิตของผู้บริโภค เนื่องจากผู้คนใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ยอดขายโทรทัศน์และผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีภายในบ้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากข้อจำกัดในการเดินทางไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ โรงละคร หรือกิจกรรมแสดงสดเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ ทำให้ชาวอเมริกันหันไปใช้จ่ายเงินกับการซื้อหาความบันเทิงเข้ามาในบ้าน
จากการที่ผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนและอัพเกรดโทรทัศน์ในช่วงที่มีการระบาด ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2562 และคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นนี้จะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานของ ฟิวเจอร์ ออฟ เทค (Future of Tech) คาดการณ์ว่า ยอดขายโทรทัศน์แบบ LCD ประจำปี 2566 จะสูงกว่าปี 2562 มากกว่า 2 ล้านเครื่อง
ยอดขายขนมขบเคี้ยวที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด
เมื่ออุปสงค์ความบันเทิงภายในบ้านเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลให้การบริโภคอาหารว่างระหว่างรับชมความบันเทิงในบ้านเพิ่มขึ้นไปด้วย จากข้อมูลของ Future of Snacking แสดงให้เห็นว่า การบริโภคของว่างในระหว่างชมภาพยนตร์ที่บ้านเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ข้าวโพดคั่วพร้อมรับประทานหรือ popcorn เป็นหนึ่งในขนมขบเคี้ยวที่มียอดขายเติบโตสูงสุด เนื่องจากการระบาดของในปีที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคาดว่ากระแสของข้าวโพดคั่วยอดนิยมจะยังคงดำเนินต่อไป และคาดว่าจะเป็นประเภทอาหารขบเคี้ยวที่เติบโตเร็วที่สุดอย่างน้อยถึงปี 2566
เบธ โกลด์สไตน์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม กล่าวว่า นอกเหนือจากการรับประทานอาหารว่างแล้ว ความต้องการใช้สินค้าในหมวดหมู่อื่น ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เช่น สินค้าเพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวและกิจกรรมการพบปะสังสรรค์อย่างกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเป้ และกระเป๋า hand-free ที่สามารถใช้งานได้ในหลากหลายโอกาส
มองมุมในอนาคต
ในระยะเวลาหลายเดือนต่อจากนี้ แน่นอนว่า สถานการณ์โรคระบาดจะยังคงไม่แน่นอน เฉกเช่นกับเส้นทางของการขายปลีก ซึ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนดังกล่าว บริษัทค้าปลีกและแบรนด์ชั้นนำจะต้องคอยติดตามว่าความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
มาร์แชล โคเฮน หัวหน้าที่ปรึกษาอุตสาหกรรมค้าปลีก แนะนำว่า เรื่องสำคัญมาก ๆ ในตอนนี้สำหรับผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกก็คือการมองข้ามผ่านข้อจำกัดและปัจจัยบางอย่างในปัจจุบัน และคิดค้นหาวิธีที่จะทำเงินจากผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่ดั้งเดิมที่คุ้นเคย
สิ่งที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต้องคำนึงถึงก็คือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภค เพื่อนำมาประเมินประกอบการดำเนินธุรกิจ เพราะไม่ว่าบริษัทของคุณจะทำป๊อปคอร์น ทีวี กระเป๋าเป้ หรือผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ต้องคำนึงไว้เสมอว่า ความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 และขณะนี้ถือว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่จะมองในมุมที่ต่างออกไป พร้อมกับการเชื่อมต่อและมองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการกำหนดนิยามใหม่สำหรับธุรกิจ และเพื่อการส่งเสริมการตลาดที่ไม่ใช่ในแบบดั้งเดิมอีกต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก