ยอดขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกในภาพรวมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.4% ในปี 2563 ทำลายสถิติยอดขาย 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก และยังเติบโตมากกว่าสองเท่าของปีก่อนหน้า ตามข้อมูลของ Organic Trade Association (OTA)
ส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่เป็นอาหารเพิ่มขึ้น 12.8% เป็น 56,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการเติบโตของยอดขายในปี 2562 ที่ 4.6% และมีมูลค่ารวมที่ 50,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหารออร์แกนิกซึ่งคิดเป็น 8.8% ของยอดขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทั้งหมด มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เพิ่มขึ้น 8.5% จาก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ซึ่งในปีนั้นมีอัตราการเติบโตที่ 9.2%
ข้อมูลจาก OTA แสดงให้เห็นว่า ครั้งสุดท้ายที่ตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกของสหรัฐฯ มียอดขายเติบโตเป็นเลขสองหลักคือปี 2558 เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น 11.3% (เทียบเป็นรายปี) โดยเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักถึงสี่ปีติดต่อกัน
“ยอดขายสินค้าออร์แกนิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าออร์แกนิกคุณภาพสูงเพื่อบริโภคและบำรุงสุขภาพของคนในครอบครัว” ลอร่า บัตชา ซีอีโอและกรรมการบริหารของ OTA กล่าว
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในชีวิตของเราทุกคน เราทานอาหารที่บ้านกับครอบครัวกันมากขึ้นและมักจะทำอาหารสามมื้อต่อวัน” เธออธิบาย “อาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพได้รับความนิยมขึ้นมากและผู้บริโภคต่างก็ค้นหาสินค้าที่ติดฉลากออร์แกนิก [USDA] มากขึ้นเรื่อย ๆ”
OTA กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้วเกือบ 6% ของอาหารที่ขายทั้งหมดในสหรัฐฯ ได้รับการรับรองออร์แกนิก ผลิตผลทางเกษตรที่มีความสดใหม่เป็นสินค้ายอดนิยมเป็นอันดับต้น ๆ นอกจากนี้ จากผลสำรวจของ Nutrition Business Journal ยังพบว่า ยอดขายผักและผลไม้ออร์แกนิกปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% คิดเป็น 18,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563
ยอดขายผักผลไม้แช่แข็งและอาหารกระป๋องปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยยอดขายอาหารแช่แข็งพุ่งขึ้นกว่า 28% มีมูลค่ารวมกว่า 20,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โดย OTA กล่าวว่า ผักและผลไม้ที่ขายในสหรัฐฯ มากกว่า 15% ในขณะนี้เป็นสินค้าออร์แกนิก
เช่นเดียวกับในกลุ่มอุตสาหกรรมร้านขายของชำอื่น ๆ การเติบโตของยอดขายอาหารออร์แกนิกได้รับแรงหนุนจากการเก็บสต็อกอาหารของผู้บริโภคหลังจากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งทำให้เกิดความนิยมในการอบขนมปัง ส่งผลให้ยอดขายแป้งออร์แกนิกและขนมอบเพิ่มขึ้น 30%
ยอดขายผลิตภัณฑ์ปรุงอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้บริโภคกลับไปทำอาหารที่บ้านมากขึ้น โดย OTA กล่าวว่า ยอดขายซอสและเครื่องเทศออร์แกนิกที่สูงขึ้น ช่วยยกระดับกลุ่มเครื่องปรุงรสมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้เติบโตขึ้น 31% นอกจากนี้ยอดขายเครื่องเทศออร์แกนิกเพิ่มขึ้น 51% มากกว่าสามเท่าของอัตราการเติบโต 15% ในปี 2562
แองเจลลา ยาจิเอลโล ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและข้อมูลเชิงลึกของ OTA กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอุปทานที่เกิดจากการระบาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อร้านขายของชำและอุตสาหกรรมอื่น ๆ
“สิ่งเดียวที่จำกัดการเติบโตในภาคอาหารออร์แกนิกคืออุปทาน” ยาจิเอลโล กล่าว ซึ่งไม่เพียงแต่หมายรวมถึงผลิตภัณฑ์และส่วนผสมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรจุภัณฑ์ เช่น ฝาขวด ถุง กระดาษลูกฟูก ขวดสำหรับใส่ผลิตภัณฑ์และวัสดุอื่น ๆ ขาดตลาด ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
เมื่อมองไปในอนาคต OTA กล่าวว่า ตลาดอาหารออร์แกนิกอาจไม่มีแนวโน้มที่จะรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างในปีที่แล้วได้ แต่ยอดขายในปี 2564 ยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเนื่องจากแนวโน้มการรับประทานอาหารที่บ้านจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะยังคงอยู่ต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพ และความสำคัญของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ถึงแม้ว่าผู้คนจะออกไปทานอาหารในร้านอาหารอีกครั้ง แต่จำนวนมากยังคงทำอาหารที่บ้านมากขึ้น เราจึงน่าจะยังเห็นเทรนด์การจำหน่ายและบริโภคสินค้าออร์แกนิกอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.supermarketnews.com/produce-floral/organic-food-sales-jump-nearly-13-record-high-2020