การขยายตัวของอุตสาหกรรมบางส่วนในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป จากสถิติพบว่า ในปี 2562 มีการย้ายถิ่นฐานของแรงงานด้านการผลิตจากแคลิฟอร์เนียมายังเทกซัสเกือบ 2,000 คน และแอริโซนากว่า 1,300 คน ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดในรอบทศวรรษ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างปี 2560-2562 แรงงานด้านการผลิตจากแคลิฟอร์เนีย ได้มีการย้ายถิ่นฐานมายังรัฐเนวาดากว่า 2,700 คน
โฆษกจาก Department of Finance ของแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า การจ้างงานภาคการผลิตภายในรัฐกำลังปรับตัวลดลงในระยะยาว แต่ยังอยู่ในตำแหน่งที่สามารถจะแข่งขันในภาคการผลิตขั้นสูงที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางและเป็นงานที่มีค่าจ้างสูงได้
การสูญเสียผลประโยชน์ของแคลิฟอร์เนียนั้น อาจจะดูว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของรัฐที่มีมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ภาษีและค่าอยู่อาศัยที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องมองหาที่อื่น เพื่อเลือกที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่
เกล็น แฮมเมอร์ อดีตหัวหน้าหอการค้าของรัฐแอริโซนากล่าวว่า “ภาษีทุกประเภทที่ผู้ผลิตต้องรับภาระ ได้ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก” โดยในปีนี้ แอริโซนาได้ขยายเครดิตภาษีสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยสร้างงาน รวมถึงยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถหักค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากใบกำกับภาษีการขายได้
ในรัฐเทกซัส ซึ่งไม่มีการเรียกเก็บภาษีเงินได้ของรัฐ เทศบาลบางแห่งเสนอการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจใหม่หรือการยกเว้นภาษีทรัพย์สินในท้องถิ่น
รัฐเนวาดายังได้เสนอมาตรการจูงใจด้านภาษีเชิงรุก ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีการขาย ทรัพย์สิน และภาษีธุรกิจ นอกเหนือจากเครดิตภาษีที่สามารถขายต่อให้กับธุรกิจอื่น ๆ
เจ้าของธุรกิจรายใหม่ส่วนหนึ่งถูกดึงดูดให้มาลงทุนจากมาตรการผ่อนปรนภาษี หนึ่งในนั้นได้แก่ Haas Automation ผู้ผลิตเครื่องมือรายใหญ่ที่สุดที่ใช้ในสายพานประกอบในสหรัฐฯ เพื่อขยายฐานโรงงานจากเดิมและสำนักงานใหญ่ที่เมือง Oxnard ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยบริษัทฯ กำลังสร้างโรงงานแห่งที่สองในเมือง Henderson รัฐเนวาดา ประมาณ 10 ไมล์ทางใต้ของลาสเวกัส และมีแผนการจะจ้างพนักงาน 500 คนเมื่อเปิดให้บริการในต้นปี 2566
นาย ปีเตอร์ เซียร์ฮัต รองประธานบริษัทกล่าวว่า ภายในห้าปี บริษัทมีแผนจะเพิ่มการจ้างงานอีกมากกว่า 1,500 ตำแหน่งในเนวาดา และหวังว่าพนักงานอย่างน้อย 200 – 300 จาก 1,500 คน ในแคลิฟอร์เนียจะย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่เนวาดา
บริษัทได้สำรวจทำเลที่ตั้งอื่น ๆ ในเทกซัสและในนอร์ทแคโรไลนา แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเนวาดา เนื่องจากใช้เวลาขับรถเพียงวันเดียวไปยังท่าเรือลอสแองเจลิส ซึ่งสามารถจัดส่งเครื่องจักรไปต่างประเทศได้ นายเซียร์ฮัต กล่าว
“ราคาที่พักอาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้เราหาคนงานได้ยาก” เซียร์ฮัตอธิบายว่า โรงงานอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของตัวเมืองลอสแองเจลิสประมาณ 60 ไมล์
เขากล่าวว่า พนักงานได้รับค่าตอบแทนเริ่มต้นประมาณ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง แต่ราคาค่าเช่าอพาร์ตเมนต์สามห้องนอนในเมือง Oxnard ตกอยู่ที่ประมาณ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ในขณะที่บริษัทจะจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานในเนวาดาในระดับเดียวกัน แต่อพาร์ทเมนท์ขนาดใกล้เคียงกันนั้น มีค่าเช่าน้อยกว่าน้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
การช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่
บริษัท Steel Dynamics Inc., ผู้ผลิตเหล็กจากเมือง Fort Wayne รัฐอินเดียนา กำลังเปิดโรงงานที่จะเป็นโรงสีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคในเมือง Sinton รัฐเทกซัสในปีนี้ โดยจะจ้างพนักงานประมาณ 600 คน และผลิตเหล็กได้ 3 ล้านตันต่อปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นาย มาร์ค มิลเล็ท กล่าว
เขากล่าวว่า บริษัทได้เลือกทำเลที่ตั้งของโรงงานให้ใกล้กับโรงงานใหม่ที่สร้างขึ้นในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้ค่าขนส่งต่ำกว่าคู่แข่งที่อยู่ห่างไกลกัน โรงงานแห่งใหม่นี้อยู่ใกล้กับท่าเรือในเมือง Corpus Christi รัฐเทกซัส ซึ่งสามารถขนเหล็กที่นำเข้ามาเข้าเตาหลอมได้ นายมิลเล็ท กล่าว
Steel Dynamics ได้รับการลดหย่อนภาษีโรงเรียนในท้องถิ่น (local school district tax) บางส่วน พร้อมทั้งภาษีที่ได้จากบริษัทฯ นั้น จะนำไปสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่แทนโรงเรียนเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2510
บริษัทได้ช่วยเปลี่ยนโฉมเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ 5,500 คน และมีรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในปี 2562 อยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อปีที่แล้ว บริษัท Steel Dynamics ได้รับใบสมัครจากผู้สมัครมากกว่า 3,500 ราย สำหรับตำแหน่งที่ว่าง 600 ตำแหน่งของโรงสี
“ตำแหน่งเหล่านี้สามารถทำเงินได้ตั้งแต่ 80,000 ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี” จอน ฮ๊อบสัน ผู้จัดการ Sinton City กล่าว
ด้วยแรงกระตุ้นจากโรงถลุงเหล็กแห่งใหม่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่บนพื้นที่กว่า 1,100 เอเคอร์ที่มีพรมแดนติดกับเมือง Sinton ถือเป็นโครงการก่อสร้างหลักโครงการแรกในรอบหลายทศวรรษ และเพิ่มขนาดพื้นที่ของเมืองเป็นสองเท่า
ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดบางรายที่เปิดธุรกิจในแถบทางตะวันตกเฉียงใต้ คือผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างบริษัท Intel Corp. โดยบริษัทฯ ได้ผลิตชิปในรัฐแอริโซนามาเป็นเวลาสี่ทศวรรษแล้ว และยังมีแผนขยายการลงทุนอีกมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ภาคตะวันตกเฉียงใต้ เป็นสถานที่ที่น่าอยู่ในราคาที่เอื้อมถึงมาก มันง่ายที่จะดึงดูดบุคลากรมีความสามารถ” นาย เจฟฟ์ เบ็งค์ หัวหน้าผู้บริหารของ Benchmark Electronics Inc. ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ตามสัญญาจ้างในเมืองเทมพี รัฐแอริโซนา กล่าว
Benchmark เพิ่งเปิดโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ในรัฐแอริโซนาแห่งที่สามในรัฐ บริษัทย้ายการผลิตจากโรงงานใน Silicon Valley ที่ปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว “ธุรกิจของเราค่อนข้างมีการแข่งขันสูง” นายเบ็งค์กล่าว “การทำกำไรจากการผลิตที่คุ้มค่าที่สุดอยู่ที่ไหน ซึ่งมันไม่ใช่ที่ซิลิคอนวัลเลย์แน่นอน”
แอริโซนายังเป็นแหล่งผลิตแรงงานที่มีทักษะด้านวิศวกรรมที่บริษัทต้องการสำหรับการออกแบบและในสายการผลิตอีกด้วย เขากล่าว มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนารายงานว่า มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีเกือบ 20,000 คนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 10,000 คนในปี 2556 และมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการเพื่อเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ที่เน้นหลักสูตรด้านการผลิต
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.wsj.com/articles/the-southwest-is-americas-new-factory-hub-cranes-everywhere-11622554044