เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA ได้ประกาศกฎระเบียบสุดท้าย (final rule) เพื่อแก้ไขกฎระเบียบเดิมและปรับปรุงมาตรฐานเอกลักษณ์ของโยเกิร์ตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเวลากว่า 20 ปีหลังจากที่กลุ่มอุตสาหกรรมโยเกิร์ตได้ยื่นคำร้องต่อ FDA ให้ปรับปรุงมาตรฐานเอกลักษณ์ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต และเป็นเวลากว่า 11 ปีนับตั้งแต่ที่ FDA ได้ออกกฎเพื่อปรับปรุงมาตรฐานของผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตเป็นครั้งแรก
FDA กล่าวว่า การออกกฎสุดท้ายเพื่อแก้ไขและปรับปรุงมาตรฐานเอกลักษณ์ของโยเกิร์ต มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำหรับการผลิตโยเกิร์ตมากขึ้น ปัจจุบัน FDA ได้แยกมาตรฐานเอกลักษณ์สำหรับโยเกิร์ตเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โยเกิร์ตไขมันต่ำ และโยเกิร์ตไม่มีไขมัน โดยภายใต้กฎระเบียบสุดท้ายนี้ โยเกิร์ตทั้งสองประเภทจะถูกรวมอยู่ภายใต้คำจำกัดความและมาตรฐานของเอกลักษณ์ทั่วไป ซึ่งอนุญาตให้มีการดัดแปลงทางโภชนาการได้
กฎระเบียบสุดท้ายจะขยายขอบเขตส่วนผสมที่ได้รับอนุญาตในโยเกิร์ต ให้รวมถึงสารให้ความหวาน เช่น ว่านหางจระเข้ และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นมที่คืนรูป พร้อมทั้งมีการกำหนดจำนวนขั้นต่ำของเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่โยเกิร์ตพึงมี สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากอธิบายว่า “มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตเป็นส่วนประกอบ” หรือข้อความที่คล้ายคลึงกัน ในขณะที่โยเกิร์ตที่มีการยับยั้งจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จำเป็นต้องติดฉลากที่มีข้อความว่า “ไม่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต” บนผลิตภัณฑ์
กฎระเบียบดังกล่าวยังอนุญาตให้มีการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ที่แพร่หลายอยู่แล้วในตลาดสินค้าโยเกิร์ต อย่างการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร เช่น การเติมวิตามินเอและดี ตราบเท่าที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดการเพิ่มคุณค่าทางอาหารได้ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้มีการผลิตเนื้อโยเกิร์ตในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้ข้อกำหนดมาตรฐานเอกลักษณ์
สมาคม International Dairy Foods Association (IDFA) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของ FDA ในครั้งนี้ว่า “นี่เป็นก้าวแรกที่ทุกฝ่ายตั้งตารอ และมีความสำคัญเป็นอย่างมาก” และเรียกร้องให้ FDA ปรับปรุงมาตรฐานอาหารให้ทันสมัยอย่างรวดเร็วและโปร่งใสยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์นม 102 รายการ เพื่อให้อุตสาหกรรมสามารถนำเสนออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสร้างสรรค์ซึ่งตอบสนองความต้องการและความต้องการของผู้บริโภคได้
ไมเคิล ไดคส์ ประธานและซีอีโอของ IDFA กล่าวว่า องค์ประกอบหลายอย่างของกฎนี้สอดคล้องกับความคิดเห็นของ IDFA ที่นำเสนอต่อ FDA เมื่อปี 2552 แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำแนะนำบางส่วนที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาหรือถูกรวมอยู่ในมาตรฐานฉบับปรับปรุงนี้
ไดคส์ กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ กรณีการยื่นคำร้องต่อ FDA โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เมื่อปี 2549 ให้มีการปรับปรุงมาตรฐานของอาหารให้ทันสมัย ยังไม่มีความคืบหน้า
“เราหวังว่าความพยายามในการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยอย่างครอบคลุม อาจช่วยให้มีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานโยเกิร์ตในอนาคตอันใกล้ ให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมโยเกิร์ต ควบคู่ไปกับการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ”
การปรับปรุงมาตรฐานอาหารให้ทันสมัยนี้ จะช่วยให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมและอุตสาหกรรมอาหารในวงกว้างสามารถสร้างสรรค์และใช้กระบวนการผลิตรูปแบบใหม่ หรือส่วนผสมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่ออาหารและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และความสะดวกสบาย
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.supermarketnews.com/dairy/fda-updates-standards-yogurt
