จากเด็กทำความสะอาดตึก สู่เจ้าของธุรกิจ Airbnb และท่องเที่ยวในนครนิวยอร์ก

เก็บเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋า คว้าพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน เดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางมหานครนิวยอร์ก จุดเริ่มต้นที่เดาได้ไม่ยากของนักล่าฝันหลายคนที่ตัดสินใจเดินทางตามหาความฝันในสหรัฐอเมริกา แต่ระหว่างทางเดินสู่เป้าหมายของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย หลายคนประสบความสำเร็จ หลายคนล้มเหลวไม่เป็นท่า

วัชรภูมิ อุดมศรีพันธ์ หรือคุณจิมมี่ (Jimmy Udomsripan) อายุ 48 ปี เป็นอีกหนึ่งคนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อไปทำงานหาเงินด้วยการใช้ชีวิตนอกถิ่นฐานบ้านเกิด กว่าจะเดินทางมาถึงคำว่า “ความสำเร็จ” เขาต้องพบเจอกับอะไรบ้างและต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใด

ก้าวแรกสู่มหานครนิวยอร์ก

หลังจากจบการศึกษาในคณะบริหารการตลาด คุณจิมมี่ในวัย 25 ปี ได้พบโอกาสในการเดินทางมาที่สหรัฐฯ จึงตัดสินใจมาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหานครนิวยอร์ก เมื่อ 3 กันยายน 2541

“เริ่มจากร้านอาหารไทยในบรูคลีน มาถึงก็ฝึกทำอาหาร ล้างจาน ทำงานครัว และส่งอาหาร เก็บเกี่ยวประสบการณ์ประมาณ 6-7 ปี การใช้ชีวิตก็เหมือนนักเรียนทั่วไป จากนั้นเพื่อนรุ่นพี่ในร้านชวนเปิดร้านอาหาร ตอนนั้นเราก็ไม่ได้มีทุนอะไร แต่ด้วยเราเป็นคนขยันขันแข็ง สู้งาน เขาเลยชวนมาลงทุนเป็นหุ้นส่วนกัน”

ทำร้านอาหารในฐานะเจ้าของกิจการได้ประมาณ 3 ปี ก็ต้องมีอันแยกย้ายด้วยปัญหาการเงินในธุรกิจ และอำนาจการตัดสินใจ “เราเป็นหุ้นเล็ก ผมเลยถอนตัวออกมาและขายหุ้นให้เขาไป”

จากธุรกิจร้านอาหารสู่งานใหม่ที่ฉีกออกไปอีกขั้ว เป็นพนักงานดูแลควบคุมการส่งอะไหล่รถยนต์ให้กับเจ้าของชาวต่างชาติ “ผมโตมากับอะไหล่รถยนต์เพราะคุณพ่อมีร้านอะไหล่รถยนต์ที่เมืองไทย ตอนนั้นเลือกที่จะถอนตัวเองออกมาจากร้านอาหาร เพราะถอดใจ เขาเห็นศักยภาพว่าแม้ภาษาจะไม่ดี แต่ผมรู้ชิ้นอะไหล่และเรียกชื่อได้หมด จึงได้ดูแลการจัดส่งสินค้า”

ปี 2549 หวนกลับมาสู่ธุรกิจร้านอาหารอีกครั้ง

ในระหว่างที่ทำงานร้านอะไหล่รถยนต์ คุณ คิว ฮั้น (Kieu Huynh) แฟนสาวในขณะนั้น ซึ่งในวันนี้คุณจิมมี่เรียกเธอด้วยความภาคภูมิใจว่า ภรรยาคนเวียดนามขยันและเป็นคนที่ช่วยผลักดันให้กลับมาเดินทางบนถนนสายนี้อีกครั้ง แต่คราวนี้ทั้งคู่เดินไปพร้อม ๆ กัน

“ภรรยาของผมเป็นแรงสำคัญในการทำให้กลับมามองธุรกิจร้านอาหารอีกครั้ง เราเริ่มสร้างจากไม่มีอะไรเลย เช้าไปเรียนหนังสือ เรียนเสร็จไปทำงานร้านอะไหล่ เลิกงานมาก่อสร้างร้านกับช่าง ลุยทำมาเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณปีครึ่ง ในการสร้างร้าน “อุดมไทย”

อุดมไทยเปิดวันแรก 5 ธันวาคม 2550

ร้านอาหารอุดมไทยเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกบนถนนวอชิงตันในบรูคลีน “เราเข้ามาให้เขารู้จักอาหารไทย เพราะส่วนใหญ่คนในย่านนี้จะรู้จักอาหารจีน และรูปแบบของร้านอาหารเราก็ทำให้เป็นแบบโมเดิร์นมากขึ้น เมื่อเทียบกับร้านที่คนในย่านนี้คุ้นเคย มีการเข้ามานั่งกินในร้าน ร้านตกแต่งสวยงาม คนก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่มีสีสัน”

เปิดร้านวันแรกกับยอดขาย 400 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งร้านขาดทุนอย่างหนักเพราะมีพนักงานถึง 4 คน แต่ร้านยังคงเดินต่อเก็บเล็กผสมน้อยเรื่อยมา แม้จะขาดทุนในช่วง 3-4 เดือนแรกแต่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ

“ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นอยู่มาได้สิบกว่าปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาก็มาก ซึ่งข้อดีของร้านเราก็คือเราไม่ปิดร้าน ทั้งปีเราจะปิดแค่วันคริสต์มาสกับวันขอบคุณพระเจ้า”

ก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ Airbnb ที่มีห้องให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือน

หลังจากเปิดอุดมไทยมานับ 10 ปี คุณจิมมี่เริ่มออกไปหางานอื่นทำ นอกจากร้านอาหารที่นับว่าประสบความสำเร็จไปแล้ว ด้วยการรับจ้างทำความสะอาดตึกที่อยู่ห่างจากร้านออกไปประมาณ 10 นาที

“เริ่มจากเด็กทำความสะอาดตึก ถึงแม้ผมจะเป็นเถ้าแก่เป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว แต่ผมไม่เกี่ยงงาน มองตรงนี้ว่าโอกาสมันมาผมก็ลงไปทำและเจ้าของตึกก็เป็นผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ”

จากคนทำความสะอาดตึกเขาได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานซ่อมแซมต่าง ๆ ในตึกจนมีโอกาสได้เช่า 1 ห้อง และเปิด Airbnb ห้องแรกในปี 2561

“สมมติว่าผมเช่าห้องราคา 1,800 เหรียญ ผมปล่อยเช่า 2 พันเหรียญผมได้ 200 เหรียญโดยที่ไม่ต้องทำอะไร แต่ผมคิดต่างขอเช่าระยะยาว 8 ปี แต่ขออย่างเดียวอย่าขึ้นค่าเช่า สิ่งที่ผมทำคือรื้อใหม่ทำใหม่หมด ลงทุนหลายหมื่นเหรียญทำเป็นห้องเช่ารายวัน Airbnb เป็นห้องเพดานสูงจากความรู้สึกของเราในตอนเด็กที่อยากจะมีบ้านต้นไม้และจ้างคนออกแบบ ซึ่งมันก็ออกมาบ้านกรงนกอยู่บนต้นไม้ แทนที่จะได้เดือนละ 200 ผมทำได้ 1,500 และใช้เวลาแค่ปีกว่า ๆ ก็ได้เงินทุนคืน ที่เหลือเก็บกินสบาย ๆ เป็น Passive Income จากร้านอาหาร”

จากห้องแรกสู่ 6 ห้องพัก 6 แบบทั้งรายวันและรายเดือนภายในตึก 3 ชั้น จนเป็นเจ้าของเองในวันนี้ ด้วยความเอาใจใส่ดูแล รวมถึงการตกแต่งซ่อมแซมเองทุกรายละเอียด …แต่ในช่วงของการแพร่ระบาดรายได้จากห้องพักคือศูนย์

ผลกระทบจากโควิด 19

“ตอนที่โควิดแรกเข้ามามันเหมือนฝุ่นตลบ 9 มีนาคมปีที่แล้ว อยู่ ๆ โรงเรียนก็ปิด คนเริ่มไม่ใช้จ่าย รายได้ตกประมาณ 70 % แต่ยอดค่าใช้จ่ายเหมือนเดิม”

หลายธุรกิจรอบตัวทยอยปิดตัวลง แต่อุดมไทยยังยืนยันจะไปต่อ “เป็นช่วงวัดใจเพราะตอนนั้นโควิดระบาดหนักมาก หน้ากากหายากและแพงมาก แต่เราก็เริ่มจัดการให้คนของเราปลอดภัย สร้างที่กั้นในร้านเพื่อลดการสัมผัส เพราะความเสี่ยงเกิดเราต้องป้องกันคนในร้านและลูกค้าด้วย”

พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

“ทุกร้านในพื้นที่ปิดหมด เรามองว่าลูกค้าเป็นคนพื้นที่และเขามองหาอาหาร ทุกคนกลัวที่จะออกไปข้างนอก เราจึงเสี่ยงที่จะทำธุรกิจและเปิดให้บริการตรงนี้ แต่เราไม่ได้ให้ลูกค้ามาสัมผัสกับพนักงาน เราเปิดเป็นช่องเล็กหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าเข้ามารับอาหาร เราสามารถดึงลูกค้าตรงนั้นมาได้เยอะมาก และเราไม่ได้ขึ้นราคาอาหาร เราไม่ฉวยโอกาส”

จุดตรงนี้เองที่คุณจิมมี่เชื่อว่าความซื่อสัตย์ของเขาถูกบอกต่อ ได้ลูกค้าใหม่เพราะร้านใกล้บ้านปิดไป และหากลูกค้าต้องการสั่งอาหารออนไลน์อุดมไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ยังเปิดให้บริการ

“ตอนนั้นไม่มีใครอยากออกมาทำงาน สิ่งที่ผมทำก็คือขับรถเวียนไปรับพนักงานทุกคน หลังเลิกงานก็ขับไปส่งถึงหน้าบ้าน อาหารไม่ต้องซื้อ เอาจากที่ร้านกลับไปกินและเผื่อคนในครอบครัวได้เลย”

การดูแลทุกคนเหมือนคนในครอบครัวก็สามารถซื้อใจพนักงานในร้านได้เป็นอย่างดี และข้อดีที่ได้จากโควิดก็คือลูกสาววัย 7 และ 9 ขวบได้มีโอกาสเห็นการทำงานและช่วยงานในร้าน ด้วยการเดินเอาตั๋วสั่งอาหารไปให้ในครัว หรือหยิบถุงจากในครัวออกมาให้ลูกค้า ถือเป็นโอกาสสอนลูกไปในตัวด้วย

ด้วยความที่มีใจบริการเป็นตัวตั้ง บวกกับโอกาสที่ได้ร่วมงานกับพี่ที่รู้จักกัน ทั้งสองพยายามทำธุรกิจท่องเที่ยวขึ้นมา คุณจิมมี่ขับรถไปรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจากสนามบินไปส่งยังห้องพักของรุ่นพี่ ซึ่งขณะขับรถมายังที่พักก็มีการชมบรรยากาศไปด้วย จึงเกิดเป็นไอเดีย “Unseen New York by Local People” ขึ้นมา “ด้วยประสบการณ์ที่เราอยู่ที่นี่มา 20 กว่าปี เรารู้ว่าจุดไหนมันน่าสนใจและไม่ได้อยู่ในทัวร์ทั่วไป เราจะพาเดินเที่ยวกึ่ง ๆ  ทัวร์ส่วนตัว ซึ่งรับเฉพาะชาวไทย”

“วัตถุประสงค์ของผมคือ ผมอยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนไทย หลังจากที่เราทำธุรกิจกับต่างชาติเยอะ ๆ เราก็อยากเปลี่ยนอารมณ์บ้าง เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย”

จากงานอดิเรกกลายเป็นว่าได้รับความนิยมอย่างมากจนห้องไม่พอ เขาหันมาเปิดรับนักท่องเที่ยวมายังห้องพักของตนเอง โดยมีนัดรับลูกทัวร์กลุ่มแรกจำนวน 8 คนในวันที่ 24 มีนาคม ปีที่แล้ว แต่ทุกอย่างต้องถูกยกเลิกหมด เพราะผลพวงของโควิด 19

ประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ และสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม

“ประสบการณ์การทำงานเกิดจากการทำด้วยตัวเราเอง เราจะไม่สามารถพึ่งคนอื่นได้ ทุกอย่างเราต้องคิดและทำเอง มันจะเป็นตัวที่ผลักดันให้เรามีไอเดียอยู่ตลอดเวลา”

“ผมเป็นช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างไม้ ถามว่ามาจากเมืองไทยผมทำเป็นเหรอ คำตอบคือไม่ แต่ด้วยค่าแรงงานที่นี่มันแพงมาก พอเราไปจ้างเขาทำอะไร มันจะเสียทั้งค่าของและค่าแรงงาน บางทีค่าแรงงานเป็น 2 เท่าของค่าของ เพราะฉะนั้นถ้าเราศึกษาและทำเองได้ มันจะทำให้เราประหยัดและอยู่ได้”

อุปสรรคและความสำเร็จ

 “ปัญหาแรกคือภาษา เราไม่ใช่เจ้าของภาษาและไม่ใช่คนในประเทศเขา ฉะนั้นการถูกมองเป็นพลเมืองชั้นสองจะสูงมาก โอกาสโดนเหยียดเชื้อชาติก็ยังมีอยู่ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เราต้องปรับตัวเองและอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้”

“ถ้าเทียบกับคนอื่นที่มาพร้อม ๆ กับผมถือว่ามีประสบความสำเร็จสูงกว่าคนอื่น ผมมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ผมมีบ้าน ผมขยายธุรกิจได้ บางคนที่มาพร้อมกับผมตอนนี้ก็ยังเป็นมือผัดอาหารอยู่ ไม่ได้สร้างธุรกิจของตัวเอง หรือบางคนที่พยายามออกไปทำธุรกิจแล้วล้มก็มี”

“ถามว่าพอใจมั้ย พอใจในระดับหนึ่ง แต่เรายังมีเป้าหมายในการขยายธุรกิจต่อไปอีก เพราะธุรกิจตอนนี้ที่ผมมองคือท่องเที่ยว ตอนนี้ยังไม่คิดจะขยายร้านอาหารเพราะผมมองว่ามันเหนื่อยและมันดึงพลังของเราค่อนข้างเยอะ มีปัญหาเข้ามาให้แก้ทุกวัน และใช้คนเยอะ แต่พอหันมาทำธุรกิจท่องเที่ยวที่เราชอบในบริการรวมอยู่ด้วย และขยายในเรื่องของห้องพัก ซึ่งเราดูแลใช้คนดูแลเพียงไม่กี่คน”

“ผมทำสิ่งใหม่ ๆ บนพื้นฐานของสิ่งที่เราชอบ เราดูว่าความสามารถเราไปได้แค่ไหน เราอาจจะไม่ต้องทำให้รวย ให้ยิ่งใหญ่เหมือนคนอื่น เอาแค่ที่เราทำได้แล้วดูแลเขาได้ดีก็พอแล้ว”

“คอนเซปสุดท้ายที่ผมวางไว้ก็คือ ธุรกิจภายใต้แบรนด์อุดมคือ “อุดมท่องเที่ยว” ให้บริการรับนักท่องเที่ยวไทยจากสนามบินด้วยอุดมเซอร์วิส เข้าที่พักของอุดมเรสสิเดนซ์และทราเวล เสร็จแล้วพาไปกินร้านอาหารอุมดมไทย มันจะกลายเป็นครบวงจรอยู่ในนี้ และถ้าอยากไปท่องเที่ยวที่ไหน ผมพาไปได้ในนิวยอร์กซิตี้ แต่ถ้าลูกค้าจะไปที่อื่นผมแนะนำให้ได้ เพราะผมสามารถแนะนำได้หมดเพียงแค่ผมไม่ได้ไปด้วย ซึ่งนั่นจะเป็นการผจญภัยของลูกค้าที่อีกแบบ”

เคล็ดลับความสำเร็จคือ ภรรยาผู้ที่คอยเคียงข้างยามลำบาก

“ภรรยาคู่คิดเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราได้ภรรยาดีได้คู่คิดที่ดีเขาจะช่วยผลักดันเรา เพราะตรงนี้คือจุดสำคัญมาก ตอนที่ผมล้มจากการทำร้านอาหาร เขาบอกว่าไม่เป็นไรเราถอยออกมาก่อนก็ได้แล้วค่อย ๆ เริ่มกัน เรากอดคอกันเดินมาจนเปิดร้านอุดมได้ และเดินเคียงข้างกันจนมาถึงวันนี้”

รวมไปถึงการมองไปข้างหน้าและต้องเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ในฐานะผู้นำต้องเห็นจุดที่จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นพ้องและเชื่อมั่น คุณจิมมี่ยกตัวอย่างในช่วงที่เกิดโควิด ซึ่งแทนที่จะปิดร้านเหมือนคนอื่น เขาเลือกที่จะให้คำมั่นกับพนักงานในร้านว่าเขาจะนำทุกคนผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้

“ผมบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกคนทำงานไป ผมสามารถที่จะเลี้ยงดูทุกคนได้ ทุกคนยังจะมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ส่งเสริมให้เขามีกำลังใจในการทำงาน ให้เห็นว่าผมนำทุกคนไปข้างหน้าได้ ผมบริหารแบบครอบครัว ผมได้เงินคุณก็ได้ แม้ผมจะไม่มีเงินเข้ามาคุณก็ยังได้ เพราะทุกคนมีส่วนสำคัญและผมเดินไปคนเดียวไม่ได้”

ฝากถึงคนไทยที่อยากจะมาหาเงินในสหรัฐฯ

“สิ่งแรกที่คุณต้องมี คือ ความเข้าใจว่าอเมริกาไม่ได้สบาย มันลำบาก สิ่งที่ต้องเอามาคือหัวใจกับความอดทน และการให้อภัยซึ่งกันและกัน เรามาจากร้อยพ่อพันแม่ หัวโขนที่เคยใส่อยู่เมืองไทยถอดทิ้งให้หมด แล้วมาแต่ตัวกับหัวใจเพื่อพร้อมจะทำงานและสู้ไปข้างหน้า”

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ บางคนพลาดเพราะที่นี่อบายมุขมันเยอะ บ่อนการพนันเข้าถึงได้ง่าย ฉะนั้นถ้าคุณไปหลงกับอบายมุขพวกนี้เงินทองที่หามาได้มันสามารถหมดไปได้อย่างรวดเร็ว ความศิวิไลซ์จะทำให้หลงระเริงกันได้ง่าย นี่คือจุดที่จะต้องเข้มแข็งเพื่อผ่านไปให้ได้”

และเกราะของคุณจิมมี่ก็คือ “คำสัญญาที่ให้ไว้กับคุณแม่” ว่าเขาจะไม่สูบบุหรี่ และทั้งชีวิตเขาก็ไม่เคยแตะเหล้าบุหรี่ มันจึงกลายเป็นเกราะป้องกันตัวจากภัยที่เรียกว่า “อบายมุข” ไว้ได้

เว็บไซต์

Udom Residence and Travel | Facebook

https://www.facebook.com/UdomThai

1,260 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top