บริษัทสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในการเปิดเผยความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เมื่อเดือนเมษายน สหรัฐฯ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Leaders Summit on Climate) ซึ่งได้หารือประเด็นที่ครอบคลุมตั้งแต่การบรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีส การใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร การสร้างงาน การคุ้มครองแรงงาน และการแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความเท่าเทียม และการหารือกันอย่างเปิดเผย ซึ่งประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงคือ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเพื่อสร้างความโปร่งใส

แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินต่อธุรกิจหรือการลงทุนหรือไม่

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (U.S. Securities and Exchange Commission – SEC) กำลังเปิดรับความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัทเอกชน กลุ่ม lobbyist ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ธนาคาร และนักลงทุน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการจัดทำข้อกำหนดเพิ่มเติมเรื่องการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กลุ่มผู้ถือสินทรัพย์จากแคลิฟอร์เนีย นำโดย California State Teachers Retirement System (CalSTRS) กองทุนต่าง ๆ ของรัฐ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของรัฐ และองค์กรไม่แสวงหากำไรกล่าวว่า สถานะปัจจุบันของการเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงไม่ตรงกับความต้องการของกลุ่ม และต้องการให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในลักษณะที่ทำให้เปรียบเทียบเชิงธุรกิจได้ง่ายขึ้น

หลายบริษัทกล่าวว่า พวกเขาสนับสนุนแนวคิดของ SEC เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกลุ่มที่นำโดย Bank of America และ Dell Technologies ให้ความเห็นว่า รายงานในปัจจุบันมีลักษณะที่ซับซ้อนและกระจัดกระจายเกินไป

SEC พบว่า การเติบโตของการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance – ESG) หมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งต้องแจ้งต่อนักลงทุนรายบุคคลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศต่อธุรกิจของตน โดยมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลกลางจะสามารถช่วยลดต้นทุนเหล่านั้นได้

บริษัทต่าง ๆ ควรเปิดเผยอะไรบ้าง และเมื่อใด

บริษัท Google-parent Alphabet, Amazon, eBay, Facebook, Intel และ บริษัทอื่น ๆ กล่าวในจดหมายที่ลงนามร่วมกันว่า  การพยากรณ์เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศมีความไม่แน่นอน ซึ่งแตกต่างจากการจัดทำรายงานงบการเงินรายไตรมาสและประจำปี การเปิดเผยข้อมูลสภาพอากาศอาศัยการประมาณการและสมมติฐานที่มีความไม่แน่นอนโดยธรรมชาติ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต่าง ๆ ไม่ควรต้องมีความรับผิดชอบอันเกินควร

นาง เมดิสัน คอนดอน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยบอสตัน ผู้วิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกฎระเบียบทางการเงิน กล่าวว่า นักลงทุนต้องการรายละเอียดที่นอกเหนือจากการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น วิธีการที่บริษัทจัดหาทรัพยากร แหล่งที่มาของน้ำและพลังงานที่ใช้ และแม้แต่สถานที่ตั้งของอาคารและสำนักงาน โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่จำเป็นในการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ  แต่ยังไม่ถูกเปิดเผยในรายงานทางการเงินในปัจจุบัน

ประเด็นที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันคือ บริษัทต่าง ๆ ควรเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศบ่อยเพียงใด National Association of Manufacturers เห็นว่า ควรทำอย่างมากที่สุดปีละครั้ง เพื่อให้บริษัทมีเวลาในการรวบรวมข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอื่น ๆ และเห็นว่า SEC ควรมีมาตรการจำกัดliability สำหรับบริษัทมหาชน

ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนนำโดย CalSTRS กำลังผลักดันให้มีการเปิดเผยความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศบ่อยขึ้น ซึ่งควรอยู่ในการยื่นเอกสารทางการเงินรายไตรมาส ประจำปี และการแสดงเอกสารทางการเงินอื่นๆ

หลายบริษัทได้เปิดเผยความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศผ่านรายงานของบริษัทและกลุ่มที่รวบรวมข้อมูลดังกล่าว โดยจากรายงานของ Center for Climate and Energy Solutions ระบุว่า 80% ของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนีหุ้น S&P 500 ได้เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนบางส่วนแล้ว

แรงกดดันจากนักลงทุน

Carbon Disclosure Project (CDP) กลุ่มไม่แสวงหากำไรที่รวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศ ได้ออกมาผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และดัชนีที่เกี่ยวข้องกับน้ำและป่าไม้ (water and forestry metrics) เพื่อแสดงถึงแผนการปรับตัวต่อสภาวะโลกร้อนและการมุ่งสู่เศรษฐกิจที่มีการปล่อยมลพิษต่ำ

ข้อมูลและระบบการจัดระดับของ CDP ถูกใช้โดยบริษัทมหาชนเกือบ 3,000 แห่งทั่วโลก โดยมี 572 แห่งอยู่ในสหรัฐฯ และบริษัทมากกว่า 9,600 แห่งทั่วโลกเปิดเผยข้อมูลบางส่วนผ่าน CDP

CDP ซึ่งรวบรวมข้อมูลดังกล่าวมาเป็นเวลาสองทศวรรษแล้ว ให้คะแนนบริษัทเป็นเกรด A ถึง F โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับในฐานข้อมูล แนวคิดนี้จะทำให้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลจากบริษัทต่าง ๆ และประเมินการเปิดเผยข้อมูลได้

ธนาคารเกือบ 170 แห่ง กองทุนบำเหน็จบำนาญ และผู้จัดการทรัพย์สิน รวมมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เรียกร้องผ่าน CDP ให้ธุรกิจต่าง ๆ รวมถึง Netflix, Wayfair และ Chipotle เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และดัชนีที่เกี่ยวข้องกับน้ำและป่าไม้  แต่ปัญหาในปัจจุบันคือข้อมูลที่ยังกระจัดกระจาย และไม่มี format ที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุนในการเปรียบเทียบรายงานจากบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมของตน

พัฒนาการในเรื่องนี้จึงเป็นที่น่าติดตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ และภาคธุรกิจและคนรุ่นใหม่ต่างหันมาให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า SEC จะประกาศร่างข้อกำหนดภายได้ในเดือนตุลาคม 2564

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.cbsnews.com/news/climate-change-companies-risks-disclosure/

188 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top