อุตสาหกรรมเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า/ไฮบริด หรือ EV (Electric/hybrid Vehicle) กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในสหรัฐฯ โดยยอดขาย EV เติบโตเร็วกว่ารถยนต์มาตรฐานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และกำลังมีส่วนช่วยผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ เมืองในสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ใน Infrastructure Bill ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามให้ผ่านเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนอุตสาหกรรม EV ซึ่งรวมถึงเงินสนับสนุนกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการติดตั้งสถานีชาร์จ EV ทั่วสหรัฐอเมริกา
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดานักลงทุนได้เริ่มนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมดัชนี หรือ ETFs เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งดัชนีเป็นของบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือแบตเตอรี่ที่รถยนต์เหล่านี้ต้องการ
บริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี EV ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในหลายภูมิภาคของสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์จากการไหลเข้าของแรงงานด้านเทคโนโลยีใหม่นี้ และยังช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วย
นอกเหนือจากซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley) ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีแล้ว ศูนย์กลางเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า/ไฮบริดกำลังเติบโตในเมืองต่าง ๆ หลายเมือง เช่น ออสติน พิตต์สเบิร์ก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์
แดเนียล เฮล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ realtor.com กล่าวว่า “งานใหม่ๆทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือ STEM (Science, Technology, Engineering and Mathematics) มีแนวโน้มว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมากย้ายไปอยู่แล้ว เพราะพวกเขามีอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตซึ่งมีการจ้างงานจำนวนมาก” และ “แม้ในโลกที่ผู้คนจำนวนมากทำงานจากที่บ้าน พวกเขาก็ยังชอบที่จะค้นหาพื้นที่ที่จะให้ทางเลือกในการจ้างงานสูงสุด โดยเฉพาะศูนย์กลางเทคโนโลยีที่มีราคาไม่แพงอย่างออสติน”
ในเมืองออสตินซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเท็กซัส อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง Tesla กำลังสร้างโรงงานสำหรับ Cybertrucks ซึ่งเป็นรถกระบะไฟฟ้าคันแรกของบริษัท ซึ่งเมืองนี้มีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เฟื่องฟูมาระยะหนึ่งแล้ว และอุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตย่อมจะช่วยกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
เจค็อบ ซัดฮอฟฟ์ CEO บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ดักลาส เอลลิแมน ในเท็กซัส กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรม EV มีผลกระทบอย่างมากต่ออสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับปรากฏการณ์ Gold Rush ซึ่งผู้คนจากแคลิฟอร์เนียและชายฝั่งตะวันตก นิวยอร์ก และชิคาโกต่างก็ย้ายไปที่ซิลิคอน ฮิลส์ และพื้นที่ในออสติน และ “เมื่อ Tesla ย้ายเข้ามา ธุรกิจอื่น ๆ จำนวนมากก็จะตามมา เนื่องจากความต้องการของพนักงานและลูกจ้างของ Tesla”
เมืองดีทรอยต์ที่มีชื่อเสียงในฐานะเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยี EV ด้วย โดยบริษัทรถยนต์รายใหญ่ได้เปลี่ยนไปสู่บริษัทไฟฟ้าและบริษัทเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของเมือง
ดัค ฮาร์ดี จาก Signature Sotheby’s International Realty ในเมืองดีทรอยต์ กล่าวว่า “Ford และ GM มาพร้อมกับเทคโนโลยี EV ที่ยอดเยี่ยม และเรายังเห็นบริษัทเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ใหม่ๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองดีทรอยต์” โดย ผู้มาใหม่เหล่านี้กำลังถูกดึงเข้าสู่ตลาดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2564ที่ผ่านมา ดีทรอยมียอดขายบ้านเพิ่มขึ้น 16.8% และราคาบ้านเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21.6% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563
เมืองพิตต์สเบิร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่สี่แห่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี EV รวมถึงบริษัทผู้ผลิตอายุกว่าร้อยปีอย่าง Westinghouse ก็กลายเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสถานีชาร์จ EV จำนวนมาก และพนักงานที่เพิ่งเข้ามาในเมืองนี้กำลังเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยที่มีการแข่งขันสูงอยู่ก่อนแล้ว
คริส ดิกสัน ประธาน Piatt Sotheby’s International Realty ในพิตต์สเบิร์ก กล่าวว่า “โดยรวมแล้ว ตลาดมีการแข่งขันอยู่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวมีจำนวนบ้านเหลือพร้อมขายน้อยลง แต่มีความต้องการสูงขึ้น จึงทำให้ราคาสูงขึ้น” และ “เมืองพิตต์สเบิร์กได้เห็นพนักงานที่อายุน้อยและมีการศึกษาดีจำนวนมาก ย้ายมาจากพื้นที่ที่มีต้นทุนสูง และพวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่พบว่าพวกเขาสามารถซื้อบ้านดีๆ ได้ที่นี่”
ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตจะช่วยกระตุ้นแนวโน้มของตลาดที่มีอยู่ก่อน และยังกระตุ้นให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพนักงานในบริษัทเทคโนโลยีรายใหม่จำนวนมากมาจากพื้นที่ซึ่งที่อยู่อาศัยมีราคาแพงกว่า และพวกเขาก็เต็มใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้น
เทคโนโลยี EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์ทั่วสหรัฐฯ ได้อย่างไร
ในขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี EV เคลื่อนเข้าสู่เมืองต่าง ๆ เช่น ออสติน พิตต์สเบิร์ก และฟีนิกซ์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการหลั่งไหลเข้ามาของพนักงานเกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลายคนย้ายมาจากพื้นที่ที่มีราคาแพงกว่าจึงทำให้เกิดการผลักดันราคาที่อยู่อาศัยให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสนับสนุนด้านอื่นๆ ที่ย้ายเข้ามาเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการแรงงานที่โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานด้านเทคโนโลยี EV เหล่านี้โดยเฉพาะ
นายซัดฮอฟฟ์กล่าวว่า “เนื่องจากเท็กซัสยังคงมีราคาถูกเมื่อเทียบกับแคลิฟอร์เนีย ผู้คนจึงเข้ามาประมูลบ้านในราคาที่สูงกว่าราคาที่ขอ” “บ้านหลายหลังขายได้มากกว่าราคาทำกำหนดถึงสองเท่า เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” และ “การแข็งค่าของราคาที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในพื้นที่ออสตินคือการขาดแคลนหุ้นของที่อยู่อาศัยซึ่งส่งผลให้ค่าเช่าพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน”
อ้างอิงข้อมูลจาก