รัฐที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว vs. ตกต่ำ หลังการระบาดหนักของโควิด-19

การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2563 ส่งผลกระทบในทางลบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยในช่วงเดือนเมษายน 2563 อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ อยู่ที่ 14.7% ซึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่สำนักสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (the Bureau of Labor Statistics) เริ่มเก็บสถิติการว่างงานในเดือนมกราคม 2491 หลังจากนั้นมา เศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวมก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของอัตราการว่างงานและ GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เมื่อเทียบปีต่อปี

อย่างไรก็ดี เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศขนาดใหญ่ รัฐต่าง ๆ และเศรษฐกิจในแต่ละรัฐมีความหลากหลาย การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจึงไม่คงที่ บางรัฐสามารถฟื้นตัวกลับมาในระดับก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด แต่บางรัฐยังคงดิ้นรนเพื่อกลับสู่ภาวะสมดุล

ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาว่าเศรษฐกิจรัฐใดบ้างกำลังเฟื่องฟูหรือยังอยู่ในขาลงมีหลากหลาย ตั้งแต่ GDP อัตราการว่างงาน ไปจนถึงการปรับค่าแรง และสัดส่วนประชากรที่อาศัยอยู่ในความยากจนของแต่ละรัฐ

รัฐที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

รัฐเหล่านี้มีสัญญาณของการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปในทางที่ดีขึ้น ระดับการว่างงานและ GDP กำลังฟื้นตัวอย่างดี ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีส่วนช่วยนำสหรัฐฯ กลับสู่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่

รัฐที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว

รัฐเหล่านี้ยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาทางเศรษฐกิจหลังการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ในปี 2563 ถึงแม้ว่า การว่างงานจะน้อยลง แต่ประชากรในรัฐเหล่านี้ยังคงประสบปัญหาในการหางาน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวช่วยสร้าง GDP ของรัฐ

นอกจากสถิติข้างต้น WalletHub ได้จัดลำดับเศรษฐกิจของ 50 รัฐและกรุงวอชิงตันดีซี โดยทำการเปรียบเทียบในสามมิติ ได้แก่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สภาวะ”สุขภาพ”ของเศรษฐกิจ และศักยภาพด้านนวัตกรรม โดยใช้ดัชนีชี้วัดสำคัญต่าง ๆ 28 ชนิดในการประเมิน ซึ่งคล้ายคลึงกับด้านบน แต่ลงรายละเอียดมากกว่า และครอบคลุมถึงมิติด้านนวัตกรรมและสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาบริษัทสตาร์ทอัพ

ตัวอย่างเช่น รัฐวอชิงตันถูกจัดเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในภาพรวมอันดับแรก และอยู่ในอันดับ 3 ด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อันดับ 7 ด้านสภาพทางเศรษฐกิจ และอันดับ 2 ด้านศักยภาพทางนวัตกรรม โดยมีรัฐยูทาห์และแคลิฟอร์เนียตามมาเป็นอันดับที่ 2  และ 3 และส่วน 3 รัฐที่อยู่รั้งท้ายคือ หลุยเซียนา อะแลสกา และเวสต์ เวอร์จิเนีย

ในขณะที่หลาย ๆ รัฐกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่า อัตราการฉีดวัคซีนและมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว โดยความพร้อมในการจัดหาและอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมไปถึงวัคซีนบูสเตอร์ในสหรัฐฯ นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังเป็นเหตุให้หลายรัฐสามารถลดหย่อนข้อจำกัดด้านมาตรการรับมือโควิด-19 ซึ่งเป็นถือเป็นการกลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ หลายรัฐที่กำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ มีแนวโน้มที่จะมีความสมดุลระหว่างความเติบโตของ GDP กับธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับการจัดอันดับโดยรวมสำหรับรัฐเหล่านี้คือ ศักยภาพด้านนวัตกรรม ซึ่งสามารถวัดได้จากจำนวนการจดทะเบียนหรือสิทธิบัตรสำหรับนักสร้างหรือนักประดิษฐ์อิสระต่าง ๆ ซึ่งรัฐที่มีศักยภาพทางด้านนวัตกรรมสูงสามารถดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูงและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทางการเงินและการลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของรัฐนั้น ๆ

ผลประโยชน์มากมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจต่าง ๆ ในภาคเทคโนโลยีนั้น ทำให้หลายรัฐนำเสนอสิ่งจูงใจเพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้ย้ายมาทำการผลิตในรัฐของตน เช่น การลดหย่อยภาษีและกฎระเบียบข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่มองว่าการแข่งขันระหว่างรัฐสำหรับการแย่งชิงธุรกิจจะเป็นข้อดีเสมอไป เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างรัฐต่าง ๆ ซึ่งไม่เกิดผลดีโดยส่วนรวมในระยะยาว

อ้างอิง

https://finance.yahoo.com/news/states-whose-economies-failing-vs-130017658.html

https://finance.yahoo.com/news/best-worst-state-economies-180823360.html

https://wallethub.com/edu/states-with-the-best-economies/21697

231 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top