ถึงแม้วันวาเลนไทน์อาจไม่ได้เป็นวันสำคัญในแง่ศาสนาหรือวัฒนธรรมเหมือนอย่างวันขอบคุณพระเจ้าหรือวันคริสมาสต์ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ชาวอเมริกันรู้สึกตื่นเต้นและมีส่วนร่วมมากในแต่ละปี และสร้างความคึกคักให้กับตลาดสินค้าและบริการไม่แพ้เทศกาลอื่น เนื่องจากเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้แสดงความรักต่อคนรัก สมาชิกครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ด้วยการมองหาของขวัญ หรือการวางแผนสำหรับการออกเดท
แม้ปี 2566 นี้ ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงรู้สึกถึงความกดดันทางเศรษฐกิจจากสภาพเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มการใช้จ่ายสำหรับวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นไปในเชิงบวก
จากการสำรวจประจำปีของ The National Retail Federation (NRF) and Prosper Insights & Analytics คาดว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันจะใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 25.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันวาเลนไทน์ปีนี้ ซี่งเพิ่มขึ้น 8% จาก 23.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 นอกจากนี้ ยังคาดว่าการใช้จ่ายในปีนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเทศกาลประจำเดือนกุมภาพันธ์
ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง หรือประมาณ 52% วางแผนจะเฉลิมฉลองและจะใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ เฉลี่ยแล้วประมาณ 192.80 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 175.41 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเป็นอันดับสอง นับตั้งแต่ NRF and Prosper Insights & Analytics เริ่มติดตามการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันในวันวาเลนไทน์เมื่อปี 2547
แม้ว่าการใช้จ่ายเพื่อคนสำคัญและสมาชิกในครอบครัวจะสอดคล้องกับปีที่แล้ว แต่ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการแสดงความขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์ที่มีความหมายอื่น ๆ ในชีวิตของพวกเขา ซึ่งจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนนั้น จำนวน 14 ดอลลาร์ถูกใช้จ่ายเป็นค่าของขวัญสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อนและเพื่อนร่วมงาน รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นหรือครูที่โรงเรียน
ผู้ที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 44 ปี วางแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ โดยจัดสรรเงินประมาณ 335.71 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับของขวัญและสินค้าวันวาเลนไทน์อื่น ๆ ซึ่งมากกว่าผู้บริโภคทั่วไปที่เฉลิมฉลองเทศกาลนี้ถึงประมาณ 142.91 ดอลลาร์สหรัฐ
ผลการสำรวจแหล่งช็อปปิ้งสำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้ ออกมาใกล้เคียงกับปี 2565 ที่ผ่านมา แหล่งช็อปปิ้งชั้นนำในการซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์คือ ออนไลน์ (35%) ตามมาด้วยห้างสรรพสินค้า (34%) ร้านค้าลดราคา (discount store) (31%) และร้านค้าเฉพาะทาง (specialty store) (18%)
ของขวัญยอดนิยม ได้แก่ ขนมจำพวกลูกกวาดและช็อกโกแล็ต (57%) การ์ดอวยพร (40%) ดอกไม้ (37%) การออกไปเที่ยวยามเย็น หรือ evening out (32%) เครื่องประดับ (21%) บัตรของขวัญ (20%) และเสื้อผ้า (19%) โดยชาวอเมริกันวางแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเครื่องประดับ และเกือบ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับค่ำคืนพิเศษ
สิ่งที่น่าสนใจคือ NRF สำรวจพบว่า แม้จะมีกลุ่มผู้ที่ไม่ได้วางแผนเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์จริงจัง แต่ 28% ของคนกลุ่มนี้ก็จะร่วมฉลองเทศกาลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยอาจซื้อของพิเศษให้ตนเอง วางแผนพบปะสังสรรค์ หรือออกไปเที่ยวยามเย็นกับกลุ่มเพื่อนโสดและสมาชิกในครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการออกเดทแบบประหยัดในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยวิเคราะห์จาก 93 เมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ และได้ผลออกมาเป็น 10 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงสำหรับการออกเดทในช่วงวันวาเลนไทน์
1.) Oklahoma City, OK
อาหารค่ำสำหรับสองคนที่ร้านอาหารราคาไม่แพงใน Oklahoma City มีราคาประมาณ 24 ดอลลาร์ฯ ขณะที่ไวน์ขาวหนึ่งขวดเฉลี่ยอยู่ที่ 8.40 ดอลลาร์ฯ สำหรับการออกเดทโดยการชมภาพยนตร์ ตั๋วสองใบราคา 18.50 ดอลลาร์ฯ ทำให้ราคาอาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองคนในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโอคลาโฮมาอยู่ที่ประมาณ 50 ดอลลาร์ฯ
2.) Mesa, AZ
อาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองคนมีค่าใช้จ่าย 53.38 ดอลลาร์ฯ ใน Mesa ทำให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดอันดับสองสำหรับการออกเดทแบบประหยัด อาหารสำหรับ 2 คนในร้านอาหารราคาย่อมเยาอยู่ที่ 26 ดอลลาร์ฯ ขณะที่ไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคา 6.32 ดอลลาร์ฯ แต่ถ้าต้องการดื่มกาแฟแทน คาปูชิโน่สองแก้วในย่านนี้รวมกันแล้วสูงถึง 10.86 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้ Mesa เป็นเมืองที่แพงที่สุดใน 10 อันดับแรกสำหรับการออกเดทเพื่อดื่มกาแฟ
3.) Mobile, AL
พื้นที่รอบ ๆ Gulf Coast อาจขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลและชายหาด แต่ Mobile น่าจะขึ้นชื่อในเรื่องร้านอาหารราคาย่อมเยา มื้ออาหารสำหรับสองคนที่ร้านอาหารราคาไม่แพงในเมืองท่าแห่งนี้ มีค่าเฉลี่ยเพียง 20 ดอลลาร์ฯ ไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคา 7.57 ดอลลาร์ฯ สำหรับตั๋วชมภาพยนตร์สองใบมีราคาต่ำกว่า 27 ดอลลาร์ อาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองท่านจึงมีราคาประมาณเพิ่มเป็น 54 ดอลลาร์ฯ
4.) Tulsa, OK
คู่รักสองคนสามารถไปชมภาพยนตร์ใน Tulsa ได้ในราคาต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ฯ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับอาหารค่ำและไวน์ที่ร้านอาหารราคาไม่แพงอยู่ที่ประมาณ 35 ดอลลาร์ฯ โดยรวมแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารค่ำและชมภาพยนตร์จึงอยู่ที่ประมาณ 55 ดอลลาร์ฯ
5.) Wichita, KS
อาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองคนราคาประมาณ 55 ดอลลาร์ฯ ในเมือง Wichita โดยมื้ออาหารในร้านอาหารราคาไม่แพงมีราคาเพียง 24 ดอลลาร์ฯ และไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคาเฉลี่ย 10.29 ดอลลาร์ฯ ราคาตั๋วภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ 2 คนอยู่ที่ 20.78 ดอลลาร์ฯ และกาแฟกับคาปูชิโน่สองแก้วมีราคาประมาณ 8 ดอลลาร์ฯ
6.) Corpus Christi, TX
Corpus Christi มีค่าใช้จ่ายแพงกว่าในเมืองห้าอันดับแรก แต่มีราคาตั๋วภาพยนตร์เฉลี่ยต่ำที่สุดในการวิจัยนี้ ที่ 17.70 ดอลลาร์ฯ สำหรับสองคน ไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคาเฉลี่ย 7.48 ดอลลาร์ฯ และราคาเฉลี่ยของอาหารสำหรับสองคนในร้านอาหารราคาไม่แพงในเมืองนี้อยู่ที่ประมาณ 30 ดอลลาร์ฯ
7.) Knoxville, TN
ค่าอาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองคนใน Knoxville อยู่ที่ 56.05 ดอลลาร์ฯ ตั๋วภาพยนตร์ราคาเฉลี่ย 22.48 ดอลลาร์ฯ สำหรับสองคน ขณะที่อาหารค่ำสำหรับคู่รักที่ร้านอาหารราคาไม่แพงอยู่ที่ 26 ดอลลาร์ฯ ไวน์ขาวหนึ่งขวดราคาเฉลี่ย 7.57 ดอลลาร์ฯ และกาแฟคาปูชิโน 2 แก้วราคา 8.06 ดอลลาร์ฯ
8.) Springfield, MO
คู่รักที่ต้องการออกไปทานอาหารเย็นและชมภาพยนตร์จะจ่ายเฉลี่ย 56.54 ดอลลาร์ฯ ราคาอาหารเฉลี่ยสำหรับสองคนที่ร้านอาหารราคาไม่แพง มีราคาเพียง 22 ดอลลาร์ฯ และไวน์ขาว 1 ขวดเฉลี่ย 10.50 ดอลลาร์ฯ แต่ในขณะเดียวกัน ตั๋วชมภาพยนตร์สองใบรวมกันแล้วเกิน 24 ดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ดี Springfield เป็นเมืองที่ราคาคาปูชิโน่ย่อมเยาที่สุดในการวิจัยครั้งนี้ ที่ 7.92 ดอลลาร์ฯ สำหรับกาแฟคาปูชิโน่สองแก้ว
9.) Chandler, AZ
อาหารสำหรับสองคนที่ร้านอาหารราคาไม่แพงใน Chandler มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ฯ ขณะที่ไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคา 6.32 ดอลลาร์ฯ สำหรับตั๋วภาพยนตร์สองใบมีราคามากกว่า 21 ดอลลาร์ฯ ดังนั้น ราคาสำหรับอาหารค่ำและภาพยนตร์รวมกันประมาณ 57.38 ดอลลาร์ฯ และกาแฟสองแก้วราคาประมาณ 9.76 ดอลลาร์ฯ
10.) El Paso, TX
อาหารค่ำและภาพยนตร์สำหรับสองท่านมีราคา 57.52 ดอลลาร์ฯ มื้ออาหารในร้านอาหารราคาไม่แพงมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 24 ดอลลาร์ฯ แต่ไวน์ขาวหนึ่งขวดมีราคาประมาณ 11 ดอลลาร์ฯ และโดยเฉลี่ยการชมภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่สองคนมีค่าใช้จ่าย 22.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อ้างอิง
https://www.nasdaq.com/articles/best-cities-for-budget-dating-this-valentines-day-2023-study