วีซ่าสำหรับเข้าประเทศสหรัฐฯ มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- วีซ่าถาวร (Immigrant Visa) คือ วีซ่าที่อนุญาติให้ผู้ถือสามารถพำนักมีถิ่นที่อยู่ได้อย่างถาวร กล่าวคือ ผู้ขอจะมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- วีซ่าชั่วคราว (Non-Immigrant Visa) คือ วีซ่าที่ออกให้แก่ผู้ขอโดยมีกำหนดระยะเวลาในการอาศัยอยู่ในประเทศตามแต่ละประเภทของวีซ่า
วีซ่าสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ชาวต่างชาติขอและได้รับ เป็นวีซ่าประเภทชั่วคราว (Non-Immigrant Visa) เช่น วีซ่านักเรียน วีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยน หรือวีซ่านักท่องเที่ยว รวมไปถึงวีซ่าต่างๆ สำหรับลูกจ้างชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานให้กับองค์กรที่ในสหรัฐฯ และนักธุรกิจ นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ
วีซ่าสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา แบ่งได้ตามวัตถุประสงค์ที่จะขอเข้าประเทศ และลักษณะของงานหรือธุรกิจนั้น ๆ ดังนี้
1.) วีซ่า L-1
สำหรับการโอนย้ายลูกจ้างในตำแหน่งสำคัญๆ ขององค์กรหรือบริษัทระหว่างประเทศเช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ ลูกจ้างที่เชี่ยวชาญ รวมไปถึงเจ้าของบริษัท มายังสำนักงานที่เปิดดำเนินการในสหรัฐฯ
L-1 แบ่งได้อีกเป็น 2 ประเภทคือ
- L-1A สำหรับเจ้าของบริษัท ผู้บริหารหรือผู้จัดการชาวต่างชาติ ที่จะย้ายมายังสำนักงานในสหรัฐฯ หรือเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานในสหรัฐฯ ผู้ได้รับวีซ่า L-1A เพื่อจุดประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานใหม่ในสหรัฐฯ จะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งแรกสูงสุด 1 ปี ส่วนลูกจ้างของบริษัทระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ผู้บริหารหรือผู้จัดการ ที่ได้รับวีซ่าชนิดนี้ จะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งแรกได้สูงสุด 3 ปี สำหรับผู้ถือวีซ่า L-1A ทุกคน ที่ต้องการขอขยายเวลาการพำนักอาจได้รับอนุญาติเพิ่มขึ้นอีก 2 ปี และไม่เกิน 7 ปี
- L-1B สำหรับลูกจ้างชาวต่างที่มีความเชี่ยวชาญหรือที่มีทักษะและความรู้เฉพาะทางที่เกี่ยวกับงานและผลประโยชน์ขององค์กรจากสำนักงานในต่างประเทศ ที่จะย้ายมายังสำนักงานในสหรัฐฯ วีซ่าประเภทนี้ยังช่วยให้บริษัทต่างชาติที่ยังไม่มีสำนักงานในเครือหรือสาชาในสหรัฐฯ สามารถส่งพนักงานที่มีความรู้เฉพาะทางมาเพื่อช่วยจัดตั้งสำนักงานได้
ลูกจ้างของบริษัทระหว่างประเทศที่ได้รับวีซ่า L-1B เพื่อจุดประสงค์ในการจัดตั้งสำนักงานใหม่ในสหรัฐฯ จะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งแรกสูงสุด 1 ปี ส่วนลูกจ้างของบริษัทระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ผู้บริหารหรือผู้จัดการ ที่ได้รับวีซ่าชนิดนี้ จะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งแรกได้สูงสุด 3 ปี สำหรับผู้ถือวีซ่า L-1B ทุกคน ที่ต้องการขอขยายเวลาการพำนักอาจได้รับเพิ่มขึ้นอีก 2 ปี และไม่เกิน 5 ปี
2.) วีซ่า B-1
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวเพื่อติดต่อหรือทำธุรกิจ
ผู้ที่ต้องการเข้ามาติดต่อหรือประชุมเกี่ยวกับธุรกิจ รวมไปถึงผู้ที่มีแผนเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมหรือสัมมนาทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา วิชาชีพ หรือธุรกิจ เพื่อเจรจาสัญญา ปรึกษากับผู้ร่วมธุรกิจ ควรยื่นเรื่องขอวีซ่า B-1 อย่างไรก็ดี วีซ่า B1 ไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการได้รับและมีส่วนร่วมในการจ้างงานในขณะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถทำเรื่องจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทนจากแหล่งที่มา ธุรกิจ หรือบริษัทของสหรัฐอเมริกาได้
ผู้มีสิทธิได้รับวีซ่า B-1 หากจะเข้าร่วมในกิจกรรมทางธุรกิจเชิงพาณิชย์หรือวิชาชีพในสหรัฐฯ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:
- การให้คำปรึกษากับผู้ร่วมธุรกิจ
- การเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา วิชาชีพหรือธุรกิจ หรือการประชุมที่มีกำหนดวันชัดเจน
- การเข้าร่วมอบรมระยะสั้น
- การทำความตกลงร่วมกันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ (Settling an estate)
- การเจรจาตกลงสัญญาต่างๆ
- การเดินทางผ่านสหรัฐฯ: บางบุคคลอาจเดินทางผ่านสหรัฐฯ ด้วยวีซ่า B-1 ได้
- ลูกเรือทางอากาศบางคนอาจเข้าสหรัฐฯ ด้วยวีซ่า B-1 ได้
3.) วีซ่า E
สำหรับผู้ค้าและนักลงทุนจากประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ (Treaty traders and investors)
– E-1 เป็นวีซ่าสำหรับ treaty traders ดำเนินการค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้าจำนวนมาก รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบริการและเทคโนโลยี โดยส่วนใหญ่ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศต้นทางที่ตนเป็นพลเมือง
– E-2 เป็นวีซ่าสำหรับ treaty investors ซึ่งลงทุนด้วยเงินเป็นจำนวนมาก และควบคุมการดำเนินงานขององค์กรที่ลงทุนหรือกำลังลงทุนอย่างจริงจัง
4.) โปรแกรม EB -5
สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ประกาศโปรแกรม EB-5 ในปี 1990 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านการสร้างงานและการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติ และต่อมาในปี 1992 สภาคองเกรสได้สร้างโครงการ Immigrant Investor Program หรือที่เรียกว่า Regional Center Program ซึ่งให้วีซ่า EB-5 สำหรับผู้เข้าร่วมที่ลงทุนในธุรกิจการค้าที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ระดับภูมิภาค (regional centers) ที่ได้รับอนุมัติจาก United States Citizenship and Immigration Services (USCIS)
โปรแกรม EB-5 แตกต่างจากวีซ่านักลงทุนชั่วคราวที่กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากเป็นโปรแกรมสำหรับผู้อพยพเพื่อการลงทุน ซึ่งนักลงทุนที่มีวีซ่า EB-5 รวมไปถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่แต่งงานอายุต่ำกว่า 21 ปี มีสิทธิยื่นขอการเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย (ซึ่งจะกลายเป็นผู้ถือกรีนการ์ด) หากเข้าข่าย ดังนี้
– มีการลงทุนในองค์กรการค้าหรือธุรกิจในสหรัฐอเมริกา และ
– มีแผนที่จะสร้างและรักษาตำแหน่งงานแบบเต็มเวลา (full-time jobs) 10 ตำแหน่ง สำหรับลูกจ้างชาวอเมริกันที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EB-5 สามารถอ่านได้ที่ https://www.uscis.gov/working-in-the-united-states/permanent-workers/eb-5-immigrant-investor-program หรือสอบถามรายละเอียดทางอีเมล์ที่ uscis.immigrantinvestorprogram@uscis.dhs.gov
* สำหรับวีซ่าการจ้างแรงงานต่างชาติ ศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.thaibicusa.com/immigrant-workers/
อ้างอิง
https://www.uscis.gov/forms/explore-my-options/l-visas-l-1a-and-l-1b-for-temporary-workers
https://www.uscis.gov/working-in-the-united-states/permanent-workers/eb-5-immigrant-investor-program