แนวโน้มธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ปี 2568

ในปี 2568 นี้ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ อาจเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากการปรับเปลี่ยนและการพัฒนาพฤติกรรมของผู้บริโภค ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า หากสามารถอดทน ปรับตัว และตื่นตัวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ได้

กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กยังคงคาดหวังว่าสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจจะดีขึ้นในปี 2568 จากการสำรวจธุรกิจขนาดเล็กโดยบริษัท IOU Financial ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กกว่าร้อยละ 75 คาดว่าการประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นในปีนี้ โดยร้อยละ 42 คาดการณ์ว่าการทำงานจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

แนวโน้มธุรกิจในสหรัฐฯ ในภาพรวม

ธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ยังคงมีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจำนวนหนึ่งที่มีความกังวลอยู่บ้าง โดยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กร้อยละ 82 แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงและต้นทุนสินค้า อย่างไรก็ดี บริษัทขนาดกลางกำลังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น จากการสำรวจ Business Leaders Outlook ประจำปี 2568 ของ JPMorgan Chase ในบรรดาผู้บริหารระดับสูง 1,641 คนที่ได้รับการสำรวจนั้น ร้อยละ 71 กล่าวว่าพวกเขาไม่คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจาก ร้อยละ 40 ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว

Ginger Chambles หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ JPMorgan Chase Commercial Banking ตั้งข้อสังเกตว่า “ธุรกิจต่าง ๆ กำลังเข้าสู่ปี 2568 ด้วยแนวโน้มในเชิงบวก หลังจากผ่านช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเกินคาด” ความเชื่อมั่นนี้สะท้อนให้เห็นจากผลการสำรวจ โดยร้อยละ 75 ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางแสดงความคิดเห็นในแง่ดีเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทของตน สามในสี่คาดหวังรายได้ที่สูงขึ้น และสองในสามคาดหวังผลกำไรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ร้อยละ 51 วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานให้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกเป็นแหล่งที่มาของความไม่แน่นอน จากการสำรวจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก มีเพียงร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่แสดงออกในแง่ดี ซึ่งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการซื้อขายทั่วโลกน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแนวโน้มที่ซบเซา

แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้างในปี 2568 แต่โดยรวมแล้ว ตลาดของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางดูเหมือนจะมีความยืดหยุ่นและความพร้อมในการลงทุน และยังรวมไปถึงมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกด้วย โดยผู้ประกอบธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ก็พร้อมที่จะปรับตัวและเติบโตขึ้น

แนวโน้มการประกอบธุรกิจขนาดเล็กภายใต้รัฐบาลทรัมป์

การลงนามในคำสั่งผู้บริหาร หรือ Executive Orders จำนวนมากโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงแรกภายหลังการเข้ารับตำแหน่ง ถือเป็นสัญญาณและการดำเนินการเชิงบวกสำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจ และนักลงทุน โดย Karen Kerrigan ประธานและ CEO ของสภาธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการ (The Small Business and Entrepreneurship Council หรือ SBE Council) กล่าวว่า การดำเนินการตามคำสั่งของ Executive Orders เหล่านี้ จะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในทันที

Karen Kerrigan ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ Executive Orders เหล่านี้ว่า การดำเนินการเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการระงับ ทบทวน และตรวจสอบกฎระเบียบต่าง ๆ รวมไปถึงการเอาชนะวิกฤตค่าครองชีพ การจัดการให้มีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่ราคาไม่แพงและเชื่อถือได้ภายในประเทศ การทบทวนข้อตกลงทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ตลอดจนการถอนตัวจาก global tax deal ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (The Organization for Economic Cooperation and Development หรือ OECD) จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มว่าจะต้องเผชิญภายใต้รัฐบาลทรัมป์

  1. ภาษีศุลกากรและการค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามใน Executive Orders 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการค้า ในระยะสั้นสิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มต้นทุนของสินค้า เช่น อาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุโครงสร้าง ธุรกิจขนาดเล็กจะต้องรับภาระที่จะเพิ่มขึ้นเหล่านี้หรือส่งต่อต้นทุนไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ในระยะยาว นโยบายเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในสหรัฐฯ โดยการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในฝั่งที่ผลิตในสหรัฐฯ และบริษัทอื่น ๆ ที่ทำสัญญารับช่วงกับธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น

  1. การแบน TikTok

ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่แน่นอนเกี่ยวกับการปิดตัวของ TikTok ในสหรัฐฯ เนื่องจาก TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้แพลตฟอร์มเป็นที่นิยมสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจเพียงคนเดียว ครีเอทีฟ และร้านค้าต่าง ๆ ในการขายผลิตภัณฑ์และประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตน ยิ่งไปกว่านั้น TikTok ยังเป็นกระบอกเสียงที่แท้จริงสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่อาจละเลยผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งในสหรัฐฯ มีจำนวนมากถึง 170 ล้านรายได้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้เวลา 75 วัน ในการดำเนินการตามข้อมติที่มุ่งปกป้องความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกันก็กำหนดแนวทางที่เหมาะสมต่อไป สภาคองเกรสกำลังมอบหมายให้บริษัทแม่ ByteDance ขาย TikTok ให้กับบริษัทที่มีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีผู้ซื้อจนถึงปัจจุบันนี้

  1. การตรวจคนเข้าเมืองและประเด็นปัญหาชายแดนของสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามใน Executive Orders 6 ฉบับที่เกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมืองและประเด็นปัญหาชายแดนของสหรัฐฯ โดยมี 4 ฉบับ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การบังคับใช้กฎหมายการเข้าเมืองที่เคร่งครัดมากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น โดยอาจส่งผลกระทบต่อทั้งพนักงานและผู้บริโภค แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์สามารถรักษาความปลอดภัยของรัฐต่าง ๆ และสหรัฐฯ โดยรวม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการท่องเที่ยว การบริการ และการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กในภูมิภาคต่าง ๆ ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องพึ่งพาแรงงานอพยพ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร การก่อสร้าง และการบริการ จะมีต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดนี้อาจชะลอการไหลเวียนของสินค้าข้ามชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตยานยนต์ และการเกษตรที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามพรมแดนเป็นอย่างมาก

  1. โครงการที่ส่งเสริมความหลากหลาย (diversity) ปิดตัวลง

คำสั่ง Executive Order ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดให้ผู้รับเหมาของรัฐบาลกลางรับรองว่า ไม่มีโปรแกรม Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI ที่ “ผิดกฎหมาย” ภายในองค์กรของตน ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่ง Executive Order ให้ตัดโครงการ DEI ของรัฐบาลกลาง ที่ส่งเสริมโอกาสสำหรับผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย และกลุ่มอื่นๆ ที่ด้อยโอกาสตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการยุติการให้ทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ให้ทุนแก่สตรีและคนผิวสี คำสั่งดังกล่าวทำให้เกิดความท้าทายเป็นอย่างมากสำหรับบริษัทเอกชนต่างๆ ที่สนับสนุน DEI และยังมีสัญญากับรัฐบาลกลาง

  1. พลังงานและกฎระเบียบ

ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งผู้บริหารหลายฉบับที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มการผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ การสำรวจและการผลิตน้ำมันและก๊าซในประเทศมากขึ้นสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานสำหรับผู้ผลิตในสหรัฐฯ และนำไปสู่การลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศในที่สุด นโยบายการลดกฎระเบียบที่มุ่งลดภาระในการปฏิบัติตามกฎระเบียบนี้ อาจสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับบริการทางการเงินและบริษัทผู้ผลิต ซึ่งขับเคลื่อนการลงทุนและนวัตกรรมในภาคส่วนเหล่านี้

  1. พนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงานตามปกติ

อาจสงสัยว่าสิ่งนี้ส่งผลอย่างไรต่อเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หากลองเดินไปตามถนนในตัวเมืองหรือเขตเมืองใหญ่ ๆ สถานที่เหล่านั้นหลายแห่งอาจดูเหมือนเมืองร้าง เนื่องจากพนักงานของรัฐและภาคเอกชนทำงานแบบ Work from home มาเป็นเวลานานนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 การนำพนักงานของรัฐบาลกลางหลายแสนคนกลับมายังพื้นที่เหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูการค้าขายในท้องถิ่นให้กับร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านซักแห้ง และบาร์ตรงหัวมุมตึกสำหรับ happy hour หลังเลิกงาน

คำสั่งของผู้บริหาร (Executive Orders) และความคิดริเริ่มใหม่ ๆ นำเสนอทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เจ้าของธุรกิจควรระมัดระวังและปรับตัว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงและวางกลยุทธ์เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจจะเติบโตได้ต่อไปในรัฐบาลชุดใหม่นี้

อ้างอิง

https://www.inc.com/elizabeth-gore/7-ways-trumps-executive-orders-could-impact-business/91130593

https://www.selfemployed.com/news/small-businesses-optimistic-about-2025-outlook/

474 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top