รัฐไอโอวาตั้งอยู่ตอนกลาง (Midwest) ของสหรัฐอเมริกา มีขนาดใหญ่เป็นอับดับที่ 26 ในสหรัฐฯ ด้วยพื้นที่ 145,746 ตารางกิโลเมตร (56,273 ตารางไมล์) หรือประมาณ 1 ใน 4 ของพื้นที่ประเทศไทย เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือนครดิมอยน์ (Des Moines) ในปี 2562 มีประชากร 3,156,145 คน (อันดับที่ 31 ในสหรัฐฯ) มีผลิตภัณฑ์มวลรวม 197,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้ประชากรต่อหัว 51,865 ดอลลาร์สหรัฐ
แหล่งผลิตอาหารสำคัญของสหรัฐฯ
ไอโอวาเป็นรัฐที่มีบทบาทนำด้านเกษตรกรรมในสหรัฐฯ ผลิตสินค้าเกษตรมากเป็นอันดับที่ 2 ในสหรัฐฯ เป็นรองเพียงรัฐแคลิฟอร์เนีย**
การเกษตรเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่สร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจของรัฐไอโอวามายาวนาน ไอโอวามีพื้นที่เกษตรกรรม 30.7 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 76 ล้านไร่ เป็นหนึ่งในรัฐที่มีพื้นที่เพาะปลูกสูงสุดในสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ทั้งหมด รัฐไอโอวาผลิตอาหารคิดเป็นร้อยละ 14 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯ และการเกษตรกรรม ป่าไม้ ประมง และการล่าสัตว์ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 13 ของ GDP รัฐไอโอวา ผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตรเป็นสินค้าส่งออกลำดับต้นของรัฐไอโอวา ซึ่งรวมถึงการเป็นสินค้าส่งออกหลักไปยังประเทศไทย
รัฐไอโอวาผลิตและส่งออกข้าวโพดมากที่สุด โดยเมื่อปี 2562 ผลิตข้าวโพดกว่า 2.58 พันล้านบุชเชล ส่งออกผลิตภัณฑ์จากสัตว์รวมถึงส่งออกเนื้อสุกรสูงสุดในสหรัฐฯ (เมื่อพิจารณาจากมูลค่าส่งออก) และผลิตเนื้อแดงเพื่อการค้า (เนื้อวัว เนื้อลูกวัว เนื้อหมู และเนื้อแกะ) ในปริมาณมากที่สุด นอกจากนั้น ยังผลิตถั่วเหลือง เนื้อสุกร และไข่มากเป็นลำดับต้นของประเทศ ทั้งยังเป็นผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้เป็นรายสำคัญของโลก
ความโดดเด่นด้านอุตสาหกรรมการเกษตรทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในด้านพลังงานและเชื้อเพลิงหมุนเวียน (Renewable Energy & Fuels) เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเด่นของรัฐไอโอวา ไอโอวาผลิตเอธานอลมากที่สุดของสหรัฐฯ มีโรงงานเอธานอลตั้งอยู่ในรัฐ 44 โรงงาน ด้วยกำลังการผลิต 4.5 พันล้านแกลลอนต่อปี และมีโรงงานไบโอดีเซล (เชื้อเพลิงทดแทนประเภทดีเซลจากธรรมชาติ) ทั้งหมด 11 โรงงาน ผลิตไบโอดีเซลคิดเป็นร้อยละ 23 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งหมดในสหรัฐฯ นอกจากนี้ รัฐไอโอวายังผลิตพลังงานลมได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ รวมการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงหมุนเวียนในรัฐไอโอวา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 568 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ปัจจัยแห่งความสำเร็จของรัฐผู้นำด้านการเกษตร
ไอโอวาสั่งสมความสำเร็จในการทำอุตสาหกรรมการเกษตรจากปัจจัยหลายประการ จากพื้นฐานทรัพยากรทางธรรมชาติที่ดี รัฐไอโอวาได้ต่อยอดประสบการณ์การทำไร่และทำฟาร์มที่ยาวนานด้วยเทคโนโลยีการเกษตร ภาครัฐดำเนินบทบาทอย่างแข็งขันโดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและวิจัยด้านการเกษตร ชาวไร่ และภาคธุรกิจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร ควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ จนทำให้รัฐไอโอวาเป็นระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตร และกลายเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมการเกษตรอย่างครบวงจรและหล่อเลี้ยงประเทศดังเช่นในปัจจุบัน
- ทรัพยากรดินที่อุดมสมบูรณ์ เป็นปัจจัยพื้นฐานทางธรรมชาติสำคัญ รัฐไอโอวามีดินชั้นบน(topsoil) ที่อุดมสมบูรณ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “black gold” ของรัฐ และภาครัฐให้ความสำคัญกับการดูแล “สุขภาพ” ของดินเพื่อสามารถทำการเกษตรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง หน่วยงาน Natural Resources Conservation Services (NRCS) ภายใต้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ สาขารัฐไอโอวา ได้จัดทำ “Iowa Soil Health Plan” และแนวปฏิบัติในการรักษาสุขภาพดิน[1]
- บทบาทของภาครัฐที่เข้มแข็ง หน่วยงานท้องถิ่นที่มีพันธกิจด้านการเกษตรได้ส่งเสริมและผลักดันการเกษตรของรัฐไอโอวาอย่างเต็มที่ โดยร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หน่วยงานรัฐบาลที่มีบทบาทเด่น ได้แก่
Iowa Department of Agriculture and Land Stewardship (IDALS) ซึ่งได้ดำเนินโครงการด้านการเกษตรและปศุสัตว์ รวมถึงโครงการอนุรักษ์ดินและน้ำ[2] เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับการเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในพื้นที่ โครงการที่น่าสนใจ อาทิ Iowa Conservation Enhancement Program (CREP)[3] ที่เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐทั้งในระดับรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น ร่วมกับภาคเอกชนในการสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าของที่ดินในจัดสรรพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetland) ในที่ดิน เพื่อลดการปล่อยไนโตรเจนและสารเคมีจากการเพาะปลูกลงใน Iowa Learning Farms (ILF)[4] ที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2548 เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับมหาวิทยาลัย Iowa State University และสถาบันวิจัยในพื้นที่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรในการทำฟาร์ม (https://iowaagriculture.gov/)
Farm Agency Service (FSA) ประจำรัฐไอโอวา เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางภายใต้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (U.S. Department of Agriculture – USDA) มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกษตรกร เจ้าของไร่สวน และพันธมิตรด้านการเกษตร มีโครงการสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรในหลายด้าน อาทิ การให้สินเชื่อแก่เกษตรกรรายใหม่ การให้เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ประสบภัยธรรมชาติ และการปรับปรุงพื้นที่ด้านการเกษตร (https://www.fsa.usda.gov/state-offices/Iowa/index)
Iowa Finance Authority มีโครงการช่วยเหลือทางการเงิน Beginning Farmer Programs[5] สำหรับผู้ต้องการทำการเกษตรรายใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อที่ดินหรือลงทุนด้านการเกษตร หรือการให้เครดิตภาษีสำหรับผู้ที่เช่าที่ดินหรือเครื่องมือเพื่อเริ่มทำฟาร์ม
[1] https://www.nrcs.usda.gov/wps/portal/nrcs/ia/soils/health/
[2] https://iowaagriculture.gov/administrative/department-programs
[3] https://iowaagriculture.gov/water-resources-bureau/iowa-conservation-reserve-enhancement-program-crep
[4] https://www.iowalearningfarms.org/
[5] https://www.iowafinance.com/beginning-farming-programs/
** 10 รัฐที่มีรายได้สูงสุด (cash receipts) จากการผลิตสินค้าเกษตรในปี 2562 ได้แก่ (1) รัฐแคลิฟอร์เนีย (2) รัฐไอโอวา (3) รัฐเนแบรสกา (4) รัฐเท็กซัส (5) รัฐมินนิโซตา (6) รัฐอิลลินอยส์ (7) รัฐแคนซัส (8) รัฐวิสคอนซิน (9) รัฐนอร์ทแคโรไลนา และ (10) รัฐอินดีแอนา (กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ https://www.ers.usda.gov/faqs/#Q1)
….ต่อ ตอน 2/2