ร้านอาหารทั่วสหรัฐอเมริกามีการใช้จ่ายเรื่องอาหารและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาหารน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ร้านอาหารหลายแห่งปิดตัวลงชั่วคราวและรองรับลูกค้าในร้านน้อยลง ในขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า พนักงานในภาคบริการและสันทนาการกว่า 498,000 อัตราต้องกลายเป็นคนว่างงานจากผลกระทบดังกล่าว
Buyers Edge Platform เครือข่ายการจัดซื้อแบบดิจิทัลสำหรับบริการด้านอาหารที่ติดตามและวิเคราะห์การซื้อร้านอาหารรายงานว่า ร้านอาหารกว่า 40,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ มีการใช้จ่ายเพื่อซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารและสินค้าอื่น ๆ น้อยกว่าจากช่วงก่อนเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ถึง 24.5%
ก่อนการระบาดแพร่ระบาดฯ ร้านอาหารมีค่าสั่งซื้อวัตถุดิบประมาณ 5,220 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์จากซัพพลายเออร์ แต่ภายหลังการแพร่ระบาดฯ รายจ่ายส่วนนี้ลดลงเหลือ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์เท่านั้น นั่นหมายถึงจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการลดลง
การใช้จ่ายด้านวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารอยู่ในระดับต่ำสุดในช่วงก่อนสัปดาห์สุดท้ายของมีนาคมเมื่อปีที่แล้ว โดยลดลง 67.5% เนื่องจากมีคำสั่งล็อคดาวน์ ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถออกนอกบ้านได้ และร้านอาหารยังต้องปิดให้บริการอาหารในร้านชั่วคราวซึ่งนำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมาก
ในช่วงสิ้นปี 2563 ได้มีสัญญาณการฟื้นตัวเกิดขึ้นโดยมีรายงานว่า ร้านอาหารใช้จ่ายเงิน 4,531 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ในการสั่งวัตถุดิบเพื่อนำมาประกอบอาหารและสินค้าอื่น ๆ แต่ต่อมาการใช้จ่ายลดลงเหลือประมาณ 30% ภายในต้นปี 2564 เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกทั่วสหรัฐฯ
“ความท้าทายที่แท้จริงสำหรับลูกจ้างคือความไม่แน่นอนในการจัดการแรงงานและค่าจ้างของพวกเขา” จอน เดวี่ ซีอีโอของ Buyers Edge Platform กล่าวในรายงาน
รายงานดังกล่าวยังวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของร้านอาหาร 5,000 แห่งใน 10 รัฐโดยพบว่า ระดับการใช้จ่ายลดลงสูงสุดทั้งในร้านอาหารขนาดเล็กและร้านอาหารแฟรนชายส์ขนาดใหญ่ โดยรัฐที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวและบริการเป็นอย่างมากอย่างรัฐเนวาดา และฮาวาย เป็นรัฐที่มีมูลค่าการสั่งซื้ออาหารเฉลี่ยต่อสัปดาห์ลดลงต่ำสุด 65% และ 59% ตามลำดับ ในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดฯ
ตามด้วยรัฐวอชิงตันลดลงประมาณ 41% เวอร์มอนต์ 40.1% คอนเนตทิกัต 35.8% โคโลราโด 33.8% แอริโซนา 32.5% อิลลินอยส์ 31.8% นิวแฮมป์เชียร์ประมาณ 31% และอะแลสกา 30.3%
ข้อจำกัดในการรับประทานอาหารในร้านก่อให้เกิดการสูญเสียงานในอุตสาหกรรมบริการอาหารในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยในรายงานได้ระบุว่า มีร้านอาหารแฟรนชายส์ขนาดใหญ่ มากกว่า 1,5000 แห่งต้องปิดถาวรนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ลูกจ้างในภาคสันทนาการและบริการในภาคท่องเที่ยวกว่า 498,000 ตำแหน่งต้องตกงานไปเมื่อเดือนที่แล้ว พนักงานร้านอาหารและบาร์ประมาณ 3 ใน 4 ต้องกลายเป็นคนว่างงาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานเพศหญิงและแรงงานงานผิวสี ข้อมูลของรัฐบาลกลางแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานโดยรวมในอุตสาหกรรมนี้ลดลง 23% แซงหน้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่