วัคซีนในสหรัฐฯ กับความหวังในการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง

วัคซีน 100 ล้านโดสอาจฟื้นความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภายในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ในครึ่งปีหลัง ในขณะที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศหนุนส่งออกไทย คาดส่งออกสหรัฐฯ โต 6.2% แต่นโยบาย “Buy American” จะส่งผลกระทบต่อเหล็กและอลูมิเนียมจากไทย

นางสาวนิธิมา ศิริโภคากิจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี่กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ จะยังคงระดับรุนแรง แต่การแจกจ่ายวัคซีน 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการบริหารประเทศครอบคลุมประชากรกลุ่มเสี่ยงและจำเป็นเร่งด่วน 15% ของประชากร ช่วยให้ชาวอเมริกันเชื่อมั่นเศรษฐกิจและกล้าใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการมากขึ้นในครึ่งหลังปีนี้

นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือชาวอเมริกันและกลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯ ที่ผ่านเข้าสภาแล้ว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกและการบริการให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แม้ว่าปัจจุบันมีผู้ว่างงานในประเทศแล้วเกือบ 1 ล้านคน ซึ่งถือเป็นสัดส่วน 1% ของแรงงานสหรัฐฯ ทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นแรงงานในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว

ดังนั้นหากสถานการณ์ปกติ การจ้างงานจะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะผู้บริโภคพร้อมซื้อสินค้าและบริการทันทีเมื่อสถานการณ์ปลอดภัย โดยเฉพาะร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิง โรงแรม สายการบินและบริษัทให้เช่ารถ และจะส่งผลให้สหรัฐฯ นำเข้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสการส่งออกไทย โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มไทยที่เป็นที่นิยม แต่ผู้ส่งออกไทยควรพัฒนาสินค้าตอบสนองความต้องการสินค้าที่ส่งเสริมสุขภาพที่มีมากขึ้น

ขณะที่สินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จะมีโอกาสขยายตลาดจากแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ รวมถึงนโยบายรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สนับสนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้าในหน่วยงานรัฐ โดยสหรัฐฯ ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า 650,000 คัน ในอนาคตอันใกล้ กระตุ้นให้ผู้ผลิตเร่งนำเข้าชิ้นส่วนรถมาผลิต

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่านโยบาย “Buy American” ที่ให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเหล็ก อลูมิเนียมและวัตถุดิบโครงการรัฐบาลอาจกดดันการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ซึ่งปีที่แล้วไทยส่งออกเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ไปสหรัฐเป็นอันดับ 1 มีมูลค่า 1,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 20.81% ของการส่งออกเหล็กทั้งหมดปีที่แล้ว และเป็นตลาดส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมอันดับ 2 ของไทย มูลค่า 190.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วน 11.23 % ของการส่งออกอลูมิเนียมปีที่แล้ว

สำหรับการส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัว 6.2% มีมูลค่า 36,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2563 ที่มีมูลค่า 34,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.6% ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้สูง และสินค้าไทยรักษาความสามารถทางการแข่งขันได้ดี รวมทั้งมีสินค้าใหม่เจาะตลาดมากขึ้น และนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้สินค้าไทยได้อานิสงส์

สินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. สินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องในปี 2564 เช่น อิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าการส่งออกปี 2563 ถึง 10,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 25.3% และปี 2564 จะขยายตัว 7.5% เพราะการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตในตลาดโลกขยายตัวสูง
  2. อาหารสัตว์เลี้ยง จะขยายตัว 2.8% เพราะมาตรฐานการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงของสหรัฐฯ อยู่ระดับสูงทำให้มีความต้องการสินค้ามาตรฐานที่ดี ซึ่งสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ
  3. สินค้าอาหารที่รักษาความสามารถทางการแข่งขันได้ดี เช่น อาหารทะเลกระป๋องจะขยายตัว 5.4% ผลไม้กระป๋องและแปรรูปจะขยายตัว 3.0% และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีจะขยายตัว 11.0%

ทั้งนี้ มีสินค้าสำคัญ 2 รายการ ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จากมาตรการทางการค้าสหรัฐฯ คือ ผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งปี 2563 มีมูลค่าส่งออก 3,909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วน 11.4% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ มีมูลค่าการส่งออก 1,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วน 2.9 % ซึ่งเป็นสินค้าที่สหรัฐฯ มีการติดตามและตรวจสอบการสวมสิทธิ์อย่างใกล้ชิด

253 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top