ปัญหาด้านการจ้างงานในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ

การฟื้นตัวของตลาดแรงงานหลังการปิดตัวลงของธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งให้เกิดผลกระทบให้เกิดการจ้างงานแบบไม่เท่าเทียมกันไปทั่วสหรัฐอเมริกา โดยปัญหานั้นมีตั้งแต่การมีตำแหน่งงานไม่เพียงพอสำหรับผู้ว่างงาน หรือการมีอัตราการว่างงานที่สูงเป็นประวัติการณ์

ตลาดแรงงานในบางภูมิภาคของสหรัฐฯ ได้แก่ พื้นที่ที่มีประชากรน้อย และมีมาตรการข้อจำกัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 น้อยกว่าที่อื่น เช่น รัฐยูทาห์ รัฐนอร์ทดาโคตร และเซาท์ดาโคตา กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องจากมีผู้ว่าจ้างจำนวนมากต้องดิ้นรนหาคนงานมาทำในตำแหน่งที่เปิดรับ ในขณะที่ ตลาดแรงงานในพื้นที่ในเขตเมืองและศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ประกาศลดมาตรการข้อจำกัดได้ช้ากว่า เช่น นิวยอร์กและฮาวาย กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานในระดับที่รุนแรงมากนัก

ความต้องการคนงาน

ตลาดแรงงานทางตอนเหนือของรัฐในแถบภูเขาทางตะวันตก (รัฐมอนแทนา ไอดาโฮ และยูทาห์) รัฐที่อยู่ในพื้นราบ (นอร์ทดาโคตา เซาท์ดาโคตา เนแบรสกา ไอโอวาและแคนซัส) และรัฐทางตอนเหนือของแถบ New England (รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เวอร์มอนต์ และเมน) อยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างบีบรัด โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการเปิดรับสมัครงานในสัดส่วน 3 งาน ต่อผู้สมัครงาน 1 คน

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผลจากสวัสดิการการว่างงานที่เพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้แรงงานไม่มีแรงจูงใจในการทำงานที่มีค่าแรงต่ำ ความไม่พร้อมของโรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กแบบรายวันที่ส่งผลให้ผู้ปกครองต้องดูแลลูก ๆ อยู่ที่บ้าน และความกลัวต่อเชื้อไวรัส-19 นอกเหนือจากนี้ข้อจำกัดของรัฐบาลที่วางไว้สำหรับธุรกิจต่าง ๆ ในช่วงการแพร่ระบาด ลักษณะพื้นที่ในแต่ละภูมิภาคของประเทศก็เป็นตัวบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างตลาดแรงงานที่มีความต้องการมากกว่าและน้อยกว่าได้เช่นกัน

ตลาดแรงงานอันขาดแคลน

ตลาดแรงงานใน 3 ภูมิภาคที่กล่าวมาข้างต้น มีอัตราการว่างงานต่ำกว่าอัตราการว่างงานเฉลี่ยตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดใหญ่  แต่สถานการณ์ตลาดแรงงานที่ค่อนข้างบีบรัดในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่

“รัฐต่าง ๆ ที่อยู่ในแถบเทือกเขากลายเป็นรัฐยอดนิยมของผู้ลี้ภัยจากโควิด-19” จูเลีย โพลลัค นักเศรษฐศาสตร์ด้านแรงงานของ ZipRecruiter กล่าว ผู้อยู่อาศัยใหม่ถูกดึงดูดให้ย้ายถิ่นฐานมา ด้วยข้อจำกัดทางธุรกิจที่น้อยกว่า พื้นที่เปิดโล่ง และที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง โดยผู้ที่ย้ายถิ่นเข้ามาใหม่ได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและทำให้เกิดความต้องการแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น

รัฐทางตอนเหนือของแถบภูเขาทางตะวันตก มีการเติบโตของธุรกิจในภาคเทคโนโลยีและการเงินที่มากขึ้น และอุตสาหกรรมเหล่านั้นก็มีสถานการณ์ที่ดีขึ้นในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ มากกว่าธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการค้าปลีก

อย่างไรก็ดี ขนาดของตลาดแรงงานที่เริ่มขยายตัวตั้งแต่ปี 2562 ในรัฐยูทาห์และไอดาโฮ ซึ่งสวนทางกับรัฐส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในพื้นที่ทวีความรุนแรงขึ้น

รัฐที่อยู่ในพื้นราบ ซึ่งเป็นรัฐที่มีมาตรการข้อจำกัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต่ำที่สุด เป็นหนึ่งในรัฐแรก ๆ ของประเทศที่กลับมาเปิดทำการใหม่ได้เร็วที่สุด โดยนาย โอเรน คลาชคิน นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ แห่ง Oxford Economics บริษัทวิจัยระดับโลก กล่าวว่า ตลาดแรงงานในรัฐเหล่านั้นไม่มีการสูญเสียการจ้างงานมากนักและฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยภูมิภาคนี้ มีการจ้างงานส่วนใหญ่ในภาคเกษตรกรรมและการแปรรูปอาหาร ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็นและยังคงเปิดอยู่ในช่วงการระบาดใหญ่

ตลาดแรงงานในรัฐเวอร์มอนต์มีการขาดแคลนแรงงานมากที่สุดในประเทศ โดยมีอัตราการว่างงาน 5.1 ตำแหน่งต่อผู้ว่างงานหนึ่งคน โดยตลาดงานของ New England ตอนเหนือได้สะท้อนถึงปัญหาประชากรสูงอายุ และการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและการย้ายถิ่นฐานเข้ามายังรัฐในระดับต่ำ

การฟื้นตัวที่ไม่สมบูรณ์

ในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ ตลาดแรงงานมีการฟื้นตัวช้ากว่าพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ กลุ่มของรัฐทางตะวันตก (รัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา แอริโซนา นิวเม็กซโก และฮาวาย) และรัฐตามแถบชายฝั่งทิศตะวันออก (นิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย โรดไอส์แลนด์ คอนเนตทิกัต และนิวเจอร์ซี่) ซึ่งมีตำแหน่งงานว่างและจำนวนผู้ว่างงานในอัตราส่วน 1:1 โดยรัฐฮาวายอยู่ลำดับสุดท้าย ที่อัตราส่วน 0.7:1

การว่างงานที่สูงขึ้น

อัตราการว่างงานในภูมิภาคเหล่านี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 6.1% ในเดือนเมษายน ซึ่งมาจากสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป

เศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวของฮาวายยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่และข้อจำกัดด้านการเดินทาง การจ้างงานด้านการพักผ่อนและการบริการในฮาวายยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 30% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเข้าพักในโรงแรมที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในฤดูใบไม้ผลินี้

ตลาดแรงงานในฮาวายแสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ด้านสุขภาพเชิงบวกกับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจแทบไม่มีความเชื่อมโยงกัน มาตรการของรัฐในการป้องกันโควิด-19 รวมถึงระยะเวลากักกัน 14 วันในปีที่แล้วสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากนอกรัฐช่วยให้อัตราผู้ติดเชื้อต่ำสุดต่อ 1,000 คน แต่มาตรการของฮาวายก็ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงเช่นกัน

นิวยอร์กเป็นหนึ่งในรัฐแรก ๆ ในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ และเพิ่งอนุญาตให้รับประทานอาหารในร้านได้เต็มจำนวนได้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐไอโอวาที่ได้ยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา และเทกซัสที่ได้รับการประกาศให้เปิดใหม่ทั้งหมดในวันที่ 10 มีนาคม

การฟื้นตัวที่ไม่ค่อยสดใสในรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวในเนวาดา และธุรกิจด้านพลังงานในนิวเม็กซิโก ที่ยังคงต่อสู้กับผลกระทบด้านลบของการระบาดใหญ่ที่ยังคงมีอยู่

อ้างอิงข้อมูลจาก

 https://www.wsj.com/articles/why-its-so-hard-to-fill-jobs-in-certain-states-11622280601

281 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top