เทรนด์ตลาดกัญชาในสหรัฐฯ: สถานะล่าสุด รัฐไหนใช้กัญชาได้ถูกกฎหมาย

คำเตือน

บทความนี้มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดกัญชาในสหรัฐฯ โดยกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงน้ำมัน CBD บางชนิด เป็นสารสกัดผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณ THC ไม่เกิน 0.3 % หรือได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) การนำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวที่มีปริมาณเกินกำหนด เข้ามาในสหรัฐฯ หากฝ่าฝืน มีสิทธิถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ปรับเงิน หรือถูกจับกุมตามโทษของกฎหมายสหรัฐฯ

เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศอภัยโทษ (pardon) แก่ผู้กระทำความผิดคดีครอบครองกัญชา เพื่อช่วยให้บุคคลเหล่านั้นมีโอกาสในการหางาน หาที่อยู่ และมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น แต่ยังขอให้คงข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบค้า การทำการตลาด และการขายให้ผู้มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์เอาไว้ นับเป็นข่าวใหญ่รับโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งมิดเทอมของสหรัฐฯ

การอภัยโทษครั้งนี้จะมีผลสำหรับคดีระดับรัฐบาลกลาง หรือ federal offence และคดีในกรุงวอชิงตันเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังถือว่ากัญชา (Marijuana) เป็นสิ่งเสพติดและผิดกฎหมาย เนื่องจากมีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทในปริมาณมาก ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนก็ได้เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ ดำเนินการในลักษณะเดียวกันด้วย

ผลของคำสั่งครั้งนี้คือ บุคคลใดที่มีความผิดโทษฐานครอบครองกัญชา โดยไม่มีความผิดข้อหาอื่นเกี่ยวข้อง (simple possession) มีคุณสมบัติที่จะได้รับการอภัยโทษ โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จะเร่งดำเนินการพิจารณาต่อไป และคาดว่า น่าจะมีผู้ที่เคยถูกตัดสินว่ากระทำความผิดในช่วงปี ค.ศ. 1992 – 6 ตุลาคม ค.ศ. 2022 ได้รับอภัยโทษถึงกว่า 6,500 คน

อย่างไรก็ดี การอภัยโทษครั้งนี้ไม่ได้ถือเป็นการลดหย่อนหรือยกเลิกโทษในภาพรวมที่เรียกว่า decriminalization จึงไม่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลถูกดำเนินคดีในอนาคต และยังไม่ถือว่า กัญชาถูกกฎหมายในระดับรัฐบาลกลาง

รัฐบาลกลางยังถือว่ากัญชาผิดกฎหมาย

ปัจจุบันกัญชานับเป็นสารเสพติดบัญชี 1 (Schedule 1 Drug) ตามกฎหมาย Controlled Substances Act of 1970 ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมยาเสพติดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การใช้ ครอบครอง ซื้อขาย และปลูกกัญชาในสหรัฐฯ จึงถือเป็นความผิดทางอาญา รวมถึงการนำเข้า-ส่งออกกัญชาและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ ยังไม่สามารถกระทำได้

สารเสพติดบัญชี 1 ถือว่าเป็นยา สาร หรือสารเคมีที่ยังไม่มีการยอมรับให้ใช้ในทางการแพทย์ และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกใช้ไปในทางที่ผิด ซึ่งรวมถึง เฮโรอีนและ LSD ในขณะที่โคเคนและ methamphetamine อยู่ในบัญชี 2 ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีไบเดนได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ และอัยการสูงสุดพิจารณาศึกษาและทบทวนการจัดประเภทกัญชาในบัญชีสารเสพติดต่อไปด้วย

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาหลายฝ่ายเริ่มเล็งเห็นการใช้ประโยชน์จากกัญชาจากงานวิจัยที่มีมากขึ้น บางรัฐจึงถอดกัญชาออกจากรายชื่อยาเสพติด และอนุญาตให้สามารถนำกัญชาไปใช้โดยถูกกฎหมายได้อย่างจำกัด ได้แก่ เพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ การรักษาโรคภายใต้การควบคุมดูแล หรือเพื่อสันทนาการ

ตลาดกัญชาถูกกฎหมายในสหรัฐฯ เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ โดยในปี 2564 มูลค่าตลาดกัญชาในสหรัฐฯ คาดว่า จะอยู่ที่มากกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มการเติบโตร้อยละ 20-30 ต่อปี จนน่าจะขยายตัวถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2569

รัฐใดบ้างที่สามารถใช้กัญชาในทางการแพทย์ถูกกฎหมาย

ปัจจุบัน 38 รัฐ สามารถใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย โดยมีขอบเขตของตนเองในการระบุเงื่อนไขการใช้กัญชา ปริมาณการใช้ และกระบวนการออกใบอนุญาตสำหรับแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีบางรัฐที่อนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์บางส่วนในระดับต่าง ๆ กันในทางการแพทย์ได้ เช่น รัฐจอร์เจีย (Georgia) อนุญาตให้ใช้ CBD Oil ที่มีระดับ THC ต่ำกว่า 5% เป็นต้น

นอกจากนี้ พื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นดินแดนของสหรัฐฯ ได้แก่ เปอร์โตริโก (Puerto Rico) กวม (Guam) หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา (Northern Mariana Islands) และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา (US Virgin Islands) ได้รับรองการใช้กัญชาในทางการแพทย์แล้ว

รัฐใดบ้างที่ออกกฎหมายให้กัญชาเพื่อการสันทนาการ

Credit: Laurie Skrivan, St. Louis Post-Dispatch

ปัจจุบัน 20 รัฐ และกรุงวอชิงตันสามารถใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย โดยทั้งหมดอนุญาตให้ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ด้วย

2 รัฐล่าสุดที่เพิ่งมีการลงคะแนนเสียงสำหรับการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 คือ รัฐแมริแลนด์ (Maryland) (มีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม 2566) และมิสซูรี (Missouri) (มีผลบังคับใช้วันที่ 8 ธันวาคม 2565)

สำหรับ รัฐอาร์คันซอ (Arkansas) นอร์ทดาโคตา (North Dakota) และเซาท์ดาโคตา (South Dakota) ได้มีการลงคะแนนเสียงในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ (Midterm Election) ที่ผ่านมาเช่นกัน แต่ผลการลงคะแนนเสียงยังไม่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย

ส่วนรัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma) นั้นยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนรับรองคำร้องเพื่อให้มีการลงคะแนนเสียงสำหรับการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย

สำหรับพื้นที่ที่เป็นดินแดนของสหรัฐฯ กวม (Guam) และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา (Northern Mariana Islands) ได้อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการแล้ว

ตารางแสดงข้อมูลสถานะทางกฎหมายของกัญชาในสหรัฐอเมริกาทั้ง 50 รัฐ และกรุงวอชิงตัน ดีซี

คนอเมริกันรู้สึกอย่างไรกับกัญชาที่ถูกกฎหมาย

จากผลสำรวจของ Pew Research ในปี 2564 พบว่า 91% ของชาวอเมริกันเชื่อว่า แคนนาบิส (cannabis) ควรถูกกฎหมายในระดับหนึ่ง โดย 31% เชื่อว่าควรถูกกฎหมายสำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น และ 60% เชื่อว่าควรถูกกฎหมายทั้งสำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสันทนาการ อย่างไรก็ดี มีเพียง 8% เห็นว่า กัญชาไม่ควรถูกกฎหมายเลย

จากผลสำรวจของ Gallup ในเดือนสิงหาคม 2565 พบว่าชาวอเมริกันสูบกัญชามากกว่าสูบบุหรี่ โดยสัดส่วนของคนอเมริกันที่สูบกัญชานั้นมีถึง 16% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า

ในขณะเดียวกัน สัดส่วนคนอเมริกันที่สูบบุหรี่ในปัจจุบันเหลือเพียง 11% ลดลงจาก 16% ในปี 2564 และถือเป็นเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนผู้สูบบุหรี่เมื่อ 50 ปีก่อน

การวิจัยของ Gallup ยังพบอีกว่า 46% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกล่าวว่า ได้เคยลองใช้กัญชาแล้ว และ 68% เชื่อว่า กัญชาควรได้รับการรับรองให้ใช้อย่างถูกกฎหมาย

ถึงแม้ว่าการใช้กัญชาในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อทางการแพทย์หรือสันทนาการ ทำได้อย่างถูกกฎหมายในหลายๆรัฐ แต่ยังคงผิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอภัยโทษผู้กระทำความผิดในคดีครอบครองกัญชา อาจจะช่วยบรรเทาอุปสรรคของบุคคลที่กระทำความผิดเหล่านั้นในเรื่องสิทธิบางอย่าง เช่น เรื่องของที่อยู่อาศัย โอกาสทางการศึกษา และโอกาสการจ้างงาน และอาจนำไปสู่ decriminalization ในระดับรัฐบาลกลางต่อไปในอนาคตอีกด้วย เช่น บุคคลสามารถครอบครองหรือบริโภคกัญชา (personal consumption) ในปริมาณน้อยได้ โดยไม่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ไม่มีการจับกุมคุมขัง หรือไม่มีการลงประวัติอาชญากรรมสำหรับผู้ครอบครองครั้งแรก เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้ก็มีความพยายามเกี่ยวกับการทำให้กัญชาถูกกฎหมายและการลดหย่อนหรือยกเลิกโทษทั้งในระดับรัฐและรัฐบาลกลางที่น่าติดตามความคืบหน้าต่อไป เช่น การพิจารณาร่างกฎหมาย Marijuana Opportunity Reinvestment and Expungement (MORE) Act และร่างกฎหมาย Cannabis Administration and Opportunity(CAOA) Act

ย้อนดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกัญชาในสหรัฐฯ ได้ที่

อ้างอิง

https://www.cnbc.com/2022/11/09/heres-how-five-states-voted-on-the-legalization-of-recreational-marijuana.html

https://www.cnet.com/news/politics/marijuana-laws-by-state-is-pot-legal-where-you-live/

https://www.dea.gov/drug-information/drug-scheduling

https://www.washingtonpost.com/dc-md-va/2022/11/09/maryland-legalized-recreational-marijuana-faq/

https://www.wsj.com/articles/biden-marijuana-laws-federal-pardon-11665096456?mod=Searchresults_pos5&page=1

2,477 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top