เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สมาคมร้านอาหารไทยแห่งสหรัฐอเมริกา (Thai Restaurant Association of America – TRAA) ได้จัดงาน Taste of Thai at Tysons ที่ Tysons Corner Plaza เมือง Tysons รัฐเวอร์จิเนีย เพื่อประชาสัมพันธ์อาหารและซอฟพาวเวอร์ของไทย ร่วมกับชุมชนไทยและหน่วยงานทีมประเทศไทยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งศูนย์ฯ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เล็งเห็นโอกาสการต่อยอดจากงานดังกล่าวเพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและประชาสัมพันธ์นวัตกรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นในสหรัฐฯ ตลอดจนขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูง
โครงการ Thainess Future Food in the U.S. จึงได้เกิดขึ้น โดยมีการคัดเลือกผู้ประกอบการนวัตกรรมอาหารอนาคต (future food) จำนวน 5 ราย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสะท้อนความเป็นไทยและตอบโจทย์ความต้องการ รวมทั้งความนิยมอาหารอนาคตในตลาดอเมริกัน เพื่อเข้าร่วม Workshop เกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการจดทะเบียน USFDA และการนำสินค้าเข้ามาขายในสหรัฐฯ กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ และออกบูทที่งาน Taste of Thai at Tysons ได้แก่
1.) บริษัท มีท อวตาร จำกัด (Meat Avatar Co., Ltd.) เป็นตัวแทนสาขาโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) ผลิตและจัดจำหน่ายเนื้อจากพืช (plant-based meat) ในรูปแบบไทย ๆ โดยมีผลิตภัณฑ์เด่น ได้แก่ หมูกรอบ น้ำยาปู แกงเขียวหวาน ผัดฉ่า กะเพรา และน้ำปลา ซึ่งใช้โปรตีนทางเลือกทั้งหมด มีทั้งในรูปแบบวางขายบนแผงนอกตู้เย็น (shelf stable) และแบบแช่แข็ง
2) บริษัท Ms. Organics จำกัด (Ms. Organics Co., Ltd.) เป็นตัวแทนสาขาเพื่อสุขภาพ (Functional Food) ซึ่งผลิตและจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีส่วนผสมที่ส่งเสริมสุขภาพหรือลดความเสี่ยงของโรค มีเครื่องดื่มคอมบูชา (kombucha) แบบออร์แกนิค เป็นผลิตภัณฑ์เด่น รวมทั้งลูกอมสมุนไพร (White Tea Herbal Candy) และเซรั่มคอมบูชา (Serum Kombucha) ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบและสมุนไพรไทย
3) บริษัท กู๊สเทค โกลบอล จำกัด (Goosetech Global Co., Ltd.) เป็นตัวแทนสาขาอาหารออร์แกนิค (Organic Food) ซึ่งผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งออกคือ ทุเรียน ลำไย มังคุด และผลไม้ตามฤดูกาล ส่งออกในรูปแบบผลสด แปรรูปในรูปแบบตัดแต่งและแช่งแข็ง โดยส่งออกไปยังประเทศจีน ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา
4.) บริษัท Foodle Noodle จำกัด (Foodle Noodle Co., Ltd.) เป็นอีกหนี่งบริษัทตัวแทนสาขาอาหารออร์แกนิค (Organic Food) ซึ่งนำผลผลิตเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกรไทยมาเป็นวัตถุดิบผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิค โดยมีผลิตภัณฑ์เด่น ได้แก่ เส้นข้าวกล้อง ผัดไทยออแกนิค เส้นหมี่ขาว (ทั้งสำหรับผู้้บริโภคทั่วไปและร้านอาหาร)
5.) บริษัท Advanced Green Farm จำกัด (Advanced Green Farm Co., Ltd.) ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนสตาร์ทอัพอาหารอนาคต ที่มีศักยภาพและความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ โดยบริษัทเพาะเลี้ยงผำ (wolffia globosa) ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่ถือเป็นสุดยอดอาหาร (superfood) คุณภาพสูงและโภชนาการสูงของไทย เพื่อผลิตเป็นสินค้าอาหารทั้งในรูปแบบสด แบบแช่แข็ง แบบpaste หรือแบบผงแห้ง สำหรับเป็นวัตถุดิบและเครื่องประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ “flo Wolffia”
Recap จากงาน Taste of Thai at Tysons
การจัดงาน Taste of Thai at Tysons ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง มีผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้งวันกว่า 7,000 คน ที่ให้ความสนใจทั้งมาร่วมชิมอาหารไทย ชมงานศิลปะและงานฝีมือของคนไทยในสหรัฐฯ รวมทั้งแวะเวียนมาชิมและซื้ออาหารจากบูธอาหารอนาคต และพูดคุยต่อยอดทางธุรกิจ
คุณวิภู เลิศสุรพิบูล CEO บริษัท มีท อวตาร จำกัด ได้นำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น หมูกรอบ plant-based และอาหารไทย plant-based บางชนิดมาร่วมงาน และปรุงให้ผู้สนใจได้ลองชิม ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกเสียงฮือฮาจากผู้บริโภคที่นิยมชมชอบหมูกรอบ และกลุ่มที่ทานมังสวิรัติและวีแกน โดยคุณวิภูเห็นว่า งาน Taste of Thai เป็นงานที่ผู้ประกอบการมีโอกาสได้ลงตลาดจริง ในสถานที่ที่ค่อนข้างเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าอาหารอนาคตที่เป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษาและมีกำลังซื้อ โดยคุณวิภูคาดการณ์ไว้ว่า ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทอาจมีมูลค่าการค้าประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยการสั่งซื้อปีละ 10 ตู้
คุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท Ms. Organics จำกัด นำตัวอย่างสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น Kombucha Sparkling ซึ่งดื่มง่าย รสชาติอร่อย และเคยได้รับรางวัล SIAL Innovation Awards 2024 จากแคนาดา มาให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองชิม และคุณศิริบูรณ์ยังได้ขึ้นเวทีเพื่อแสดงการชงเครื่องดื่มที่หลากหลาย โดยใช้ผลิตภัณฑ์ Kombucha Sparkling เป็นส่วนผสมหลักอีกด้วย
คุณภาคภูมิ ภัคปภากร CEO บริษัท กู๊สเทค โกลบอล จำกัด ได้นำทุเรียนหมอนทองสดแบบพรีเมี่ยมมาจำหน่ายในงาน ซึ่งมีความพิเศษจากการเคลือบชั้นฟิล์มไคโตซานผสม Natural Preservative ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุ (shelf life) ได้นาน 20 วัน เหมาะแก่การส่งออก ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยคุณภาคภูมิเห็นว่า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ทำให้ได้ทราบถึงความต้องการของตลาดในสหรัฐฯ และยังได้มีโอกาสรู้จักผู้ซื้อ (buyer) และผู้นำเข้า (importer) เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยคุณภาคภูมิคาดการณ์ไว้ว่า ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทอาจมีมูลค่าการค้าประมาณ 4 ล้านกว่าบาทต่อปี
คุณวิภาดา พลาธนพร CEO บริษัท Foodle Noodle จำกัด ได้นำผลิตภัณฑ์เส้นออร์แกนิค เช่น เส้นผัดไทย เส้นหมี่ และเส้นก๋วยเตี๋ยวอื่น ๆ มาร่วมแสดงในงาน และปรุงอาหารเมนูวีแกน เช่น เส้นเล็กกับแกงเขียวหวานออร์แกนิค และแกงสไตล์ไทยชนิดอื่น ๆ ให้ผู้ร่วมงานได้ลองชิมเป็นตัวอย่าง ซี่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคที่นิยมสินค้าออร์แกนิคเป็น อย่างมาก คุณวิภาดาคาดการณ์ว่า ในอีก 1 ปีข้างหน้า มูลค่าการตลาดยอดขายน่าจะไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่ายอดขายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และอาจจะเติบโตขึ้นไปอีก โดยปัจจุบันเส้นผัดไทยของ Foodle Noodle มีวางขายในร้าน Wegmans ในสหรัฐฯ แล้ว
คุณปนัสยา อยู่นุช Business Development Director บริษัท Advanced Green Farm จำกัด และคุณวิษุวัต สงนวล Co-Founder and Chief Strategist นำผลิตภัณฑ์จากผำ พืช superfood จิ๋วแต่แจ๋ว อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบี 12 และสารอาหารอื่น ๆ มาร่วมแสดงในงาน เช่น ผงผำอบแห้ง สำหรับผสมในอาหารและเครื่องดื่ม โปรตีนเชค และขนมไอศกรีมฟรีซดรายมะพร้าวน้ำหอมผสมไข่ผำ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคสายสุขภาพ และมี content creator คนรุ่นใหม่หลายรายให้ความสนใจทดลองทานผลิตภัณฑ์และถ่ายคลิปแนะนำสินค้า ตรงกับเทรนด์ความนิยม superfood ในสหรัฐฯ คุณปนัสยากล่าวว่า การได้เข้าร่วมงาน Taste of Thai at Tysons เป็นโอกาสดีที่บริษัทได้มีโอกาสเจอกับตลาดที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง จากการที่สถานที่จัดงานเป็นลานหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าที่ระดับพรีเมี่ยมจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดใจกับสินค้าใหม่ ๆ จากไทย ถือเป็นการตอบรับที่ดีมาก โดย content creator ทุกรายอยากเห็นผลิตภัณฑ์ผำของบริษัทได้วางขายในสหรัฐฯ เพราะชื่นชอบทั้งรสชาติและคุณค่าทางสารอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ทางบริษัทมั่นใจในการนำข้อมูลไปหารือกับผู้นำเข้ามากขึ้นว่าตลาดสหรัฐฯ คือโอกาสที่ดีมาก นอกจากนี้ คุณปนัสยาคาดการณ์ว่า ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทอาจจะมีมูลค่าการส่งออกอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์
นอกจากการออกบูธแล้ว ผู้ประกอบการทั้ง 5 บริษัทยังได้นำเสนอสินค้าบนเวทีพร้อมทั้งสาธิตการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้จริง เช่น การทำ mocktail หลากชนิดจาก kombucha (ซึ่งหากต้องการดื่ม cocktail ก็สามารถเติมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เช่นกัน) ผัดกะเพราหมูกรอบ plant-based และผัดไทยเส้นออร์แกนิค[1] เรียกเสียงฮือฮาจากผู้เข้าร่วมงาน รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตันยังได้นำสินค้าบางส่วนไปออกรายการ Morning Show ทางช่อง FOX5 DC อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากช่วยเสริมความนิยมอาหารไทยและขยายโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยแล้ว ยังทำให้ตลาดสหรัฐฯ ได้เห็นว่า อาหารไทยไม่ได้มีดีเพียงแค่รสชาติ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่เมนูผัดกระเพราะหรือผัดไทยที่คุ้นเคย แต่เป็นการช่วยให้ผู้บริโภคคิดถึงอาหารไทยในแง่มุมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสร้างสรรค์ (creative) การใช้นวัตกรรม (innovative) และการทานอาหารไทยเป็นทางเลือกด้านสุขภาพด้วย
ตลาดสหรัฐฯ ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับอาหารแห่งอนาคตของไทย ซึ่งมีผู้เข้าถึงแล้วจำนวนหนึ่ง ศูนย์ฯ จึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับศักยภาพของอาหารอนาคตจากไทย และหวังว่า จะได้เห็นสินค้าไทยวางขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต หากท่านสนใจโครงการลักษณะนี้ สามารถติดตามข่าวสารได้จากทั้งทางศูนย์ฯ และกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ปีหน้าเราอาจได้มาร่วมออกบูธในกรุงวอชิงตันด้วยกัน
อ้างอิง
[1] ขอขอบคุณคุณพรทิภา พัฒนเมฆา ผู้ร่วมก่อตั้ง / Executive Chef เครือ Pattana Restaurant Group สำหรับการสาธิตการทำอาหาร